เลือก Subwoofer แบบไหนเหมาะกับเรา
สำหรับนักเล่นเครื่องเสียง และคนที่ชื่นชอบการฟังเพลงการที่คุณเปิดลำโพงเครื่องเสียงเพื่อฟัง และเสียงเพลงที่ออกมาจากเครื่องเสียงของคุณนั้นให้เสียงเพลงที่ชัด เบสที่หนักก็คงจะทัชใจอยู่ไม่น้อยและสำหรับมือใหม่นั้นการเลือก Subwoofer สัก 1 ใบคงจะต้องคิดหนักอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยเป็นสินค้าที่มีราคา การใช้งานที่แตกต่างวัตถุประสงค์ ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการคิดทบทวนกันเลยทีเดียว
Subwoofer คืออะไร?
ถ้าอธิบายแบบง่ายๆนะครับ Subwoofer นั้นเป็นลำโพงที่ตอบสนองย่านความถี่ต่ำในช่วง 20Hz -50Hz ซึ่งลำโพงย่านกลางแหลมทั่วไปไม่สามารถตอบสนองย่านความถี่ออกนี้มาได้เป็นลำโพงที่ให้เสียงเบสที่หนักและแน่น
ประเภทของ Subwoofer
ในบทความนี้ผมขอแบ่งในเรื่องของการใช้งานของ Subwoofer ออกเป็น 2 ประเภทนะครับคือ Subwoofer ที่ใช้สำหรับงาน PA เช่นงาน Event หรือ งานคอนเสิร์ตใหญ่ และอีกประเภทหนึ่งเป็น Subwoofer ที่ใช้สำหรับเครื่องเสียงบ้านอาจจะใช้สำหรับเพิ่มอรรถรสในการดูหนัง ฟังเพลง หรือการเล่นเกมส์ให้สนุกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
สำหรับ Subwoofer ประเภทแรกนั้นเป็น Subwoofer ที่ใช้สำหรับงาน PA (Public Address System) หรืองานเครื่องเสียงภายนอกที่ไม่ว่าจะเป็น งาน Event งานแสดงเสียงหรืองานคอนเสิร์ตใหญ่ๆ เนื่องจากงานเหล่านี้มักจะเป็นงานที่ถูกจัดอยู่ในพื้นขนาดใหญ่และกว้างจึงต้องใช้ Subwoofer ที่มีขนาดที่ใหญ่ แข็งแรง มีอิมแพค ตอบสนองได้ดี และมีการตอบสนองต่อความถี่ได้ดี เพื่อที่จะได้รองรับต่อจำนวนผู้ชมและครอบคลุมพื้นที่ของงาน
สำหรับ Subwoofer แบบที่ 2 นั้น เป็น Subwoofer ที่ใช้สำหรับเครื่องเสียงภายในบ้าน อาจจะใช้สำหรับเพิ่มความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมส์ Subwoofer ที่ใช้สำหรับเครื่องเสียงในบ้านนั้นอาจจะแตกต่างจาก Subwoofer ที่ใช้สำหรับงาน PA เพราะด้วยขนาดของพื้นที่ที่เล็กกว่าการใช้งานที่แตกต่างกันจึงอาจจะต้องเลือกขนาดของตัว Subwoofer ที่เล็กกว่า Subwoofer ที่ใช้ในบ้านนั้นส่วนมากรูปทรงและสีอาจจะสวยกว่า Subwoofer ของ PA และเสียงที่ได้นั้นอาจจะนุ่มนวลกว่าและมักจะออกแบบรูปทรงมาให้เข้ากับบ้านหรือคอนโดของคุณ
Subwoofer มีทั้งแบบ Active และ Passive ควรเลือกแบบไหน และแบบไหนดีกว่ากัน
โดยทั่วไปนั้นสำหรับ Subwoofer ที่ใช้งานสำหรับเครื่องเสียงบ้านหรือชุด Home Theater นั้นส่วนใหญ่จะเป็น Subwoofer แบบ Active เนื่องจากข้อดีของ Subwoofer แบบ Active นั่นคือง่ายต่อการใช้งานเพราะภายในตู้นั้นจะมีแอมป์แบบ Build In มาให้เลย จึงไม่ต้องหาแอมป์มาต่อให้วุ่นวาย เพียงแค่เสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้ในทันทีเลยครับ
และในส่วนของ Subwoofer แบบ Passive นั้นจะแตกต่างกับ Subwoofer แบบ Active ตรงที่จะมีแต่เพียงของตู้ Sub มาให้และไม่มีในส่วนของแอมป์ จึงต้องหา AVR หรือ Power มาเพิ่มขึ้นถึงจะสามารถใช้งานได้ ในส่วนข้อดีของ Subwoofer แบบ Passive คือเราสามารถเลือกที่จะใช้งานกับแอมป์ดีๆ ได้จึงทำให้เสียงที่ได้นั้นหนักแน่นกว่า Subwoofer แบบ Active และตัวของ Subwoofer นั้นจะมีความแข็งแรงมากกว่าเพราะเนื่องจากไม่มีวงจรในเรื่องของภาคขยายเข้ามาเกี่ยวข้อ แต่ก็แอบมีข้อด้อยเล็กๆ โดย Subwoofer แบบ Passive นั้นจะมีในเรื่องของความวุ่นวายที่จะต้องต่อพ่วงกับเครื่องมืออื่นๆ
สำหรับบทความนี้ผมเชื่อว่าอาจมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่ได้อ่านและอาจเป้นอีกหนึ่งตัวช่วยในเลือกของการเลือก Subwoofer แต่สำหรับประการแรกที่คุณจะเลือกซื้อ Subwoofer สักหนึ่งตัวคุณอาจต้องคำนึงถึงเรื่องของการใช้งานว่าจุดประสงค์หลักที่จะซื้อ Subwoofer ไปใช้นั้นเป็นการใช้งานแบบไหนเพื่อที่การจ่ายเงินในครั้งนี้จะได้เกิดความคุ้มค่านะครับ
ใส่ความเห็น