ข้อดีของการมีลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch ในบ้าน
ลำโพงซาวด์บาร์เป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย และให้คุณภาพเสียงที่ดี เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก หรือ ขนาดกลาง ซึ่งลำโพงซาวด์บาร์ให้เสียงที่ดีกว่าลำโพงทีวีที่มักจะมีขนาดเล็ก และคุณภาพเสียงไม่ดี ลำโพงซาวด์บาร์มีลำโพงหลายตัวที่กระจายเสียงรอบทิศทาง ทำให้เสียงมีความสม่ำเสมอ และชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังประหยัดพื้นที่ ลำโพงซาวด์บาร์มีขนาดเล็ก และติดตั้งง่าย เมื่อเทียบกับชุดโฮมเธียเตอร์ที่มีลำโพงแยกหลายตัว ลำโพงซาวด์บาร์จึงเหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก หรือ ขนาดกลาง ๆ
ที่สำคัญยังใช้งานง่าย ลำโพงซาวด์บาร์สามารถเชื่อมต่อกับทีวีได้อย่างง่ายดาย โดยใช้สาย HDMI หรือ สายออปติคอล การเชื่อมต่อบลูทูธ ช่วยให้สามารถฟังเพลงจากอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สมาร์ทโฟน ได้ง่ายดายร่วมยุคสมัยสุด ๆ ช่วยให้การชมภาพยนตร์สมจริงยิ่งขึ้น ลำโพงซาวด์บาร์ที่มีระบบเสียงรอบทิศทางจะช่วยสร้างบรรยากาศของการชมภาพยนตร์ให้สมจริงยิ่งขึ้น เสียงจะดังมาจากรอบทิศทาง ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง และยังช่วยให้การฟังเพลงสนุกยิ่งขึ้น ลำโพงซาวด์บาร์ให้เสียงที่ครบถ้วนทุกย่านความถี่ ทำให้การฟังเพลงสนุกยิ่งขึ้น เสียงร้องจะชัดเจน เสียงเบสจะหนักแน่น
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch เป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงที่คุ้มค่าแก่การลงทุน เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงในบ้าน ลำโพงซาวด์บาร์ช่วยให้การชมภาพยนตร์ การฟังเพลง และเล่นเกมสนุกยิ่งขึ้น ศูนย์รวมความบันเทิง หรือที่เรียกว่าหัวใจในบ้านคงไม่ไกลเกินเอื้อมกับลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch จะดีอย่างไร แต่ละรุ่นมีฟังก์ชั่น และสเปคแบบไหนไปดูกันเลยครับ
ข้อดีของการมีลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch ในบ้าน
Soundbar มีขนาดยาวขึ้น
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar นั้นมีขนาดลำโพงซาวด์บาร์ที่หลากหลายตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น จนไปถึงรุ่นท็อป ซึ่งมีความยาวสูงสุด 54 นิ้ว มีดอก Tractrix® Horns ไม่เพียงเท่านั้นบริเวณด้านบนบาร์ในบางรุ่นมีดอก Dolby Atmos เพื่อยิงเสียงขึ้นเพดานสู่หูผู้ฟังอีก 2 ดอกทำให้เสียงที่ออกมานั้นมีเวทีเสียงที่กว้างและคมชัดทุกย่านความถี่
Subwoofer มีขนาดใหญ่ขึ้น กำลังขับเพิ่มขึ้น ช่องเชื่อมต่อมากขึ้น
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar นั้นมีการปรับขนาดลำโพงซับวูฟเฟอร์ทุกรุ่นจาก Series เดิม ซึ่งต้องบอกเลยว่ากำลังขับที่ให้มานั้นเหลือเฟือในการถ่ายทอดพลังเสียงออกมา ไม่เพียงเท่านั้นด้านหลังของ Subwoofer ในบางรุ่นนั้นมีช่องสำหรับเชื่อมต่อ Analog ช่อง Sub In 1 ช่องและช่อง Sub Out 1 ช่อง เพื่อเปลี่ยนจากระบบ Wireless เป็นระบบ Analog หรือเปลี่ยนจากระบบ 3.1 เป็น 3.2 ได้อย่างง่ายดายเพราะการเชื่อมต่อแบบ Analog นั้นจะทำให้เสียงมีคุณภาพที่สมบูรณ์แบบกว่าระบบ Wireless แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบความสะดวกสบายลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar ก็ตอบสนองความต้องการของคุณ สังเกตง่ายๆจากสีไฟถ้าเป็นสีฟ้า คือ คุณกำลังเชื่อมต่อระบบ Wireless อยู่ แต่ถ้าเป็นสีเขียว คือ คุณกำลังเชื่อมต่อระบบ Analog อยู่นั้นเอง
Dialogue Modes สามารถปรับเสียงได้ 3 ระดับ
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการฟังเสียงสนทนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมและปรับ EQ ได้ตามความเหมาะสม 3 ระดับ ตั้งแต่รุ่น ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema 600 Soundbar เป็นต้นไป ดังนี้
1.ปรับช่อง +2dB แต่จะได้ยิน +3dB
2.ปรับช่อง +4dB แต่จะได้ยิน +6dB
3.ปรับช่อง +6dB แต่จะได้ยิน +9dB
และพิเศษกว่าซาวด์บาร์ทั่วไปตรงนี้ ทาง Klipsch จะเพิ่มความดังของเสียง “และ” เพิ่ม EQ สำหรับเสียงพูดไปพร้อมๆกัน ทำให้เสียงพูดมีความชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง เหมาะกับการสนทนาของหนังหรือซีรีย์ต่างๆ หรือจะฟังข่าวหรือ Podcast
โหมดในการใช้งานครอบคลุมและมีให้เลือกมากขึ้น
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar นั้นในบางรุ่นจะมีโหมดให้เลือกได้ถึง 8 โหมด คือ Standard, Direct, Movie, Music, Game, Party, Night, Dialog สามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ในการใช้งานของผู้บริโภคมากขึ้น
ระบบ Wireless Multi-Room Streaming
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar ในบางรุ่นสามารถเชื่อมต่อผ่าน Google เพื่อทำเป็นระบบ Streaming ได้ผ่าน Spotify และสั่งการด้วยเสียงผ่าน Alexa, Google Assistant
รองรับ 8K Pass-through
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar ในบางรุ่นสามารถปล่อยสัญญาณภาพไปยัง TV เป็นระบบ 8K Pass-through แต่ขึ้นอยู่กับ TV ที่คุณเลือกใช้งานด้วยว่ารองรับภาพ 8K Pass-through หรือไม่
เพิ่มระบบ HDMI-eARC ใน Soundbar
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar ในบางรุ่นสามารถเชื่อมต่อระบบ HDMI-eARC ได้จึงทำให้ส่งสัญญาณทั้งเสียงและสัญญาณภาพได้ดีขึ้นกว่าเดิม เทคโนโลยี eARC ยังช่วยทำให้มั่นใจได้อีกว่าผู้ใช้จะได้รับฟังคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดตลอดเวลา
ระบบ Bluetooth5.0
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar ได้พัฒนาระบบ Bluetooth เป็น Version5.0 เพื่อช่วยให้การเชื่อมต่อนั้นเร็วและเสถียรมากขึ้นกว่าเดิม
รีโมทคอนโทรล Premium มากยิ่งขึ้น
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar นั้นมาพร้อมกับรีโมทที่ Premium มากยิ่งขึ้นและใช้งานได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย
ปรับระดับเสียงลำโพง Surround Dolby Atmos ได้ 3 ระดับ
สำหรับคนที่ชอบเสียงเซอร์ราวด์แบบจริงๆ ต้องชอบรุ่นนี้ เพราะลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar สามารถปรับเสียงของ Surround3 ได้ถึง 3 ระดับ ตั้งแต่รุ่นลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema 600 Soundbar ขึ้นไป คือ +2dB, +4dB, +6dB เพียงแค่กดปุ่มบนรีโมท ก็เพิ่มเสียงเซอร์ราวด์ได้ทันทีแบบเต็มๆทุกทิศทางเพราะบริเวณด้านบนเซอร์ราวด์นั้นสามารถยิงเสียงขึ้นด้านบนเพื่อสะท้อนตกสู่หูผู้ฟังทำให้เสียงมีมิติมากกว่ารุ่นอื่น ๆ
จำลอง Dolby Atmos ระบบ 7.1.4
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar ในบางรุ่นนั้นจำลองเสียง Dolby Atmos ระบบ 7.1.4 เสียงสมจริงสมจังพุ่งมารอบทิศทาง ดูหนัง เล่นเกมส์ ฟังเพลง มันส์สุด ๆ
ปรับเปลี่ยน LED Display และการ Reset Subwoofer
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar เปลี่ยนจากไฟแสดงสถานะนอนเป็นขึ้นสถานะชื่อของโหมดต่างๆให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและการ Reset Subwoofer จากที่กดปุ่มจะ Reset ทันทีเป็นกดค้าง 3 วินาทีจึงจะ Reset การพัฒนานี้ช่วยสำหรับการกด Reset Subwoofer แบบไม่ตั้งใจได้
รายละเอียดของลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar
1. Klipsch Cinema400 Soundbar Wireless Subwoofer
– ลำโพงซาวด์บาร์
– ระบบ 2.1 System
– เทคโนโลยี Tractrix Horn 90 x 90
– การตอบสนองความถี่ 31-20kHz
– ค่าความไว 99dB
– มีกำลังขับ 400W
– Soundbar ขนาด 40 นิ้ว
– Subwoofer ขนาด 8 นิ้ว
– ถอดรหัสเสียง Dolby Digital ได้ในตัว
การเชื่อมต่อของลำโพง Klipsch Cinema 400 Soundbar Wireless Subwoofer
– Bluetooth เชื่อมต่อไร้สายด้วยสัญญาณบลูทูธ
– AUX/3.5 mm. ช่องสำหรับการเชื่อมต่อแบบมาตรฐาน
– HDMI-ARC
– Optical Digital
– Sub-Out
2. Klipsch Cinema600 Soundbar Wireless Subwoofer
– ลำโพงซาวด์บาร์
– ระบบ 3.1 System (เพิ่ม Surround3 เป็น 5.1 System)
– เทคโนโลยี Tractrix Horn 90 x 90
– การตอบสนองความถี่ 28-20kHz
– ค่าความไว 103dB
– มีกำลังขับ 600W
– Soundbar ขนาด 45 นิ้ว
– Subwoofer ขนาด 10 นิ้ว
– ถอดรหัสเสียง Dolby Digital ได้ในตัว
การเชื่อมต่อของลำโพง Klipsch Cinema 600 Soundbar Wireless Subwoofer
– Bluetooth5.0 เชื่อมต่อไร้สายด้วยสัญญาณบลูทูธ
– AUX/3.5 mm. ช่องสำหรับการเชื่อมต่อแบบมาตรฐาน
– HDMI-ARC
– Optical Digital
– Sub-Out
3. Klipsch Cinema800 Dolby Atmos Soundbar
– ลำโพงซาวด์บาร์
– ระบบ 3.1 System (เพิ่ม Surround3 เป็น 5.1 System/ จำลอง 5.1.4 System)
– เทคโนโลยี Tractrix Horn 90 x 90
– การตอบสนองความถี่ 28-20kHz
– ค่าความไว 107dB
– มีกำลังขับ 800W
– Soundbar ขนาด 48 นิ้ว
– Subwoofer ขนาด 10 นิ้ว
– 8K Pass-through
– Muti-Room Streaming
– ถอดรหัสเสียง Dolby Atmos ได้ในตัว
การเชื่อมต่อของลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema 800 Dolby Atmos Soundbar
– Bluetooth5.0 เชื่อมต่อไร้สายด้วยสัญญาณบลูทูธ
– AUX/3.5 mm. ช่องสำหรับการเชื่อมต่อแบบมาตรฐาน
– HDMI-eARC
– Optical Digital
– Sub-Out
4. Klipsch Cinema1200 Dolby Atmos Soundbar
– ลำโพงซาวด์บาร์
– ระบบ 5.1.4 System (จำลอง 7.1.4 System)
– เทคโนโลยี Tractrix Horn 90 x 90
– การตอบสนองความถี่ 22-20kHz
– ค่าความไว 109dB
– มีกำลังขับ 1200W
– Soundbar ขนาด 54 นิ้ว
– Subwoofer ขนาด 12 นิ้ว
– ถอดรหัสเสียง Dolby Atmos ได้ในตัว
– 8K Pass-through
– Muti-Room Streaming
การเชื่อมต่อของลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema 1200 Dolby Atmos Soundbar
– Bluetooth5.0 เชื่อมต่อไร้สายด้วยสัญญาณบลูทูธ
– AUX/3.5 mm. ช่องสำหรับการเชื่อมต่อแบบมาตรฐาน
– HDMI-eARC
– Optical Digital
– Sub-Out
เป็นอย่างไรบ้างครับกับลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Cinema Soundbar เหมาะกับคนรัก และชื่นชอบการดูหนังแบบ 100% กันจริง ๆ ด้วยระบบการดูหนังที่จำลองไปถึง 7.1.4 System ที่จะเพิ่มมิติเสียงของการดูหนังของคุณให้สมบูรณ์แบบและสนุกมากยิ่งขึ้นด้วยระบบ Atmos เพื่อความสมจริง และหลุดโลกมากยิ่งขึ้นจากการจำลองเสียงด้านบน เพื่อให้คุณได้ยินเสียงที่ดีที่สุดกับลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch ครับผม แถมยังใช้งานง่าย ไม่เปลืองพื้นที่ อยู่บ้านก็แฮปปี้ได้เหมือนอยู่ในโรงหนัง
สนใจสินค้า คลิก : https://shopee.co.th/klipsch_official_store
ใส่ความเห็น