fbpx

FIR Filter มีในลำโพงรุ่นไหนบ้าง

FIR Filter มีในลำโพงรุ่นไหนบ้าง

FIR Filter มีในลำโพงรุ่นไหนบ้าง

ในยุคที่เทคโนโลยีเสียงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว FIR Filter หรือ Finite Impulse Response Filter กำลังเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในวงการเครื่องเสียงคุณภาพสูง เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาการตอบสนองความถี่ที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในระบบเสียง

แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “FIR Filter มีในลำโพงรุ่นไหนบ้าง?” ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจโลกของลำโพงไฮเอนด์ที่นำเทคโนโลยี FIR Filter มาใช้ เพื่อยกระดับประสบการณ์การฟังของผู้ใช้

นอกจากนี้ เราจะอธิบายว่า FIR Filter ทำงานอย่างไร และทำไมมันจึงเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับนักฟังเพลงที่พิถีพิถัน ไม่ว่าคุณจะเป็นออดิโอไฟล์ตัวยง หรือเพียงแค่ผู้ที่กำลังมองหาลำโพงคู่ใหม่ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าทำไม FIR Filter จึงเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าการลงทุนในลำโพงที่มีเทคโนโลยีนี้คุ้มค่ากับคุณหรือไม่

FIR Filter คืออะไร
FIR ย่อมาจาก Finite Impulse Response ซึ่งหมายถึงตัวกรองที่มีการตอบสนองต่อแรงกระตุ้นที่มีตัวกระตุ้นจำนวนจำกัด ในลำโพง FIR จะใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงโดยลดเสียงรบกวนและเพิ่มความชัดเจน ตัวกรอง FIR ทำงานโดยสร้างการตอบสนองของลำโพงที่ต้องการ จากนั้นใช้การตอบสนองนี้เพื่อปรับสัญญาณเสียงที่ส่งไปยังลำโพง การตอบสนองของลำโพงที่ต้องการจะคำนวณโดยใช้อัลกอริธึมที่ซับซ้อนซึ่งพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น คุณสมบัติทางกายภาพของลำโพง ตำแหน่งของลำโพง และสภาพแวดล้อมในการฟัง ตัวกรอง FIR สามารถปรับปรุงคุณภาพเสียงของลำโพงได้หลายวิธี เช่น

ลดเสียงรบกวนที่เกิดจากลำโพงเอง เช่น เสียงฮัม เสียงหึ่ง และเสียงกรอบแกรบ ปรับปรุงความชัดเจนของเสียงโดยลดการบิดเบือนต่าง ๆ เช่น เสียงเบสที่ขาดหายไป เสียงแหลมที่แหลมเกินไป และเสียงกลางที่มืดเกินไป ปรับปรุงเสียงโดยรวมของลำโพงโดยทำให้เสียงนุ่มนวลยิ่งขึ้น และมีความสมจริงมากขึ้น

ตัวกรอง FIR เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในวงการเครื่องเสียงและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถปรับปรุงคุณภาพเสียงของลำโพงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker มีตัวกรองความถี่เสียง
– High Low Pass Filter ในครอสโอเวอร์
– Notch Filter สำหรับตัดความถี่เสียงบางความถี่
– EQ ใส่ฟิลเตอร์ด้วยค่าต่าง ๆ
DSP ตัวที่เป็นแบบ FIR จะได้เสียงที่เป็นธรรมชาติมากกว่า และสามารถปรับแต่งได้มากกว่า การทำงานในลำโพงนั้น DSP ประสิทธิภาพสูง และตัวกรอง FIR เฟสเชิงเส้น เพื่อการตอบสนองที่ราบรื่นและเสียงที่มีความละเอียดสูง อินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ใช้งานง่ายพร้อมหน้าจอสี LCD และปุ่มควบคุมแบบปุ่มเดียวพร้อมให้เลือกใช้อย่างรวดเร็วและแสดงค่า EQ ที่ตั้งไว้

FIR Filter มีในลำโพงรุ่นไหนบ้าง

1. ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker

ลำโพงทำจากวัสดุ polypropylene แข็งแรง ทนทาน
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker สร้างจากวัสดุโพลีโพรพีลีนที่มีความทนทาน และใช้ตะแกรงเหล็กด้านหน้าแบบเต็มหน้าจึงทำให้ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ

Voice Coil ขนาดใหญ่ 1.35 นิ้ว (High Frequency)
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker มีการใช้ Voice Coil ขนาดใหญ่ 1.35 นิ้ว วัสดุ Titanium ในทุกรุ่นของซีรี่ย์นี้ทำให้ประสิทธิภาพความถี่สูงที่ชัดเจน และแม่นยำมากยิ่งขึ้น

Bi-Amplifier ประสิทธิภาพสูง
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker มี Amplifier แยกขับ 2 ตัว โดยจะมี Amp Class AB ในการขยายเสียง High Frequency ส่วน Amp Class D จะขยายเสียง Low Frequency ข้อดีของ Amp Class AB, Class D ก็คือ มีประสิทธิภาพเสียงที่มาก และกำลังขับเยอะในขณะที่สร้างความร้อนน้อย

การเชื่อมต่อที่หลากหลาย ปุ่มควบคุมครบครัน
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker นั้นมีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย และมีปุ่มที่ใช้ปรับเสียงย่านความถี่สูง และย่านความถี่ต่ำ +/-12 dB เลยทีเดียว ในส่วนของการเชื่อมต่อนั้น USB, Bluetooth อีกทั้งยังสามารถเสียบไมโครโฟนได้ 2 ช่องมาพร้อมการปรับเอกเฟกต์ของไมค์เพิ่มเติมได้ ไม่เพียงเท่านั้นในส่วนของ Line in มีมาให้ 2 ช่อง และ Line out 1 ช่อง

จับคู่ระบบ Stereo ไร้สาย เพียงปุ่มเดียว
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker สามารถจับคู่เป็นระบบ Stereo ไร้สายสำหรับรุ่นเดียวกันโดยวิธี TWS ได้ไม่ยาก

ปรับเปลี่ยนเป็นลำโพง Monitor ได้ไม่ยาก
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker สามารถจับวางลำโพงเป็นแนวนอนเพื่อทำเป็นลำโพงMonitor หน้าเวทีในร้านอาหาร ร้านเหล้า หรือ ผับต่าง ๆ ได้ โดยมีแนวลำโพงที่ทำออกมาเพื่อรับน้ำหนักได้ปรับเปลี่ยนการวาง และมีมุมจับยก 3 มุมทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายเป็นอย่างมาก

เพิ่มไมค์ ระบบ Wireless ได้ 2 ช่อง
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker มีช่องเชื่อมต่อ Wireless 2 ช่อง ซึ่งคุณสามารถซื้อไมโครโฟน Proel Wireless ในรุ่น U24H, U24B เชื่อมเป็นไมโครโฟน Wireless ใช้ในงานอีเว้นท์ หรือ ประชุมงานสัมมนาได้

ปรับแต่ง DSP ได้ 5 รูปแบบ
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker มีโหมดปรับแต่ง DSP ได้ 5 รูปแบบ ดังนี้
1. โหมด MUSIC
ช่วยเพิ่มความถี่ต่ำ ตัดเสียงกลาง-สูงลงเล็กน้อยให้เหมาะกับใช้สำหรับใช้งานเล่นเพลงส่วนใหญ่

2. โหมด LIVE
ช่วยสำหรับช่วงเวลาในการเสียงร้องสด หรือ การแสดงดนตรีสด

3. โหมด DJ
ช่วยเพิ่มความถี่ต่ำ และสูงของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ลดความกระด้างของเสียง กลาง-สูง ที่เกิดขึ้นได้

4. โหมด MONITOR
ช่วยปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานของลำโพงเป็นจอมอนิเตอร์บนเวที

5. โหมด SPEECH

ช่วยกรองเสียงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงสะท้อน และเสียงก้องเพิ่มความคมชัดของเสียง

หน้าจอ LCD แสดงผล ปรับเปลี่ยนไฟ LED ได้
ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva Series Active Speaker มีหน้าจอ LCD แสดงผลด้านหลังลำโพง และมีสถานะไฟ LED ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้

– เปิด (ตัวเลือกเริ่มต้น): ไฟ LED จะติดสว่างอย่างถาวร สีฟ้าเมื่อเปิดเครื่อง

– ปิด: ไฟ LED จะไม่ติดอย่างถาวร เมื่อปิดเครื่อง

– LIMIT: ไฟ LED จะเป็นสีน้ำเงินเมื่อเปิดลำโพง และจะกะพริบสีแดงเมื่อ DSP อยู่ใน LIMIT MODE

โหมด LCD Dim: กำหนดค่าความสว่างของจอ LCD

– เปิดตลอด (ตัวเลือกเริ่มต้น): หน้าจอจะสว่างเสมอเมื่อเครื่องเปิดอยู่

– 30 วินาที: ไฟแสดงผลจะดับลงหลังจากผ่านไป 30 วินาทีที่ไม่มีการใช้งาน

รายละเอียดของลำโพงแอคทีฟ Diva Series มีรุ่นอะไรบ้าง

1. ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva 12A Active Speaker
– ลำโพงแอคทีฟ 2 ทาง
– การตอบสนองความถี่ 50 Hz – 20 kHz
– ความดังพีคสุดที่ 127dB
– ดอกไดรเวอร์ HF ขนาด 1 นิ้ว
– ดอกไดรเวอร์ LF ขนาด 12 นิ้ว
– วัสดุวูฟเฟอร์ Titanium
– Amp Class D (LF), Amp Class AB (HF)
– กำลังขับต่อเนื่อง LF 400 วัตต์
– กำลังขับต่อเนื่อง HF 100 วัตต์
– กำลังขับ System 1000 วัตต์
– DSP 5 รูปแบบ (MUSIC, LIVE, DJ, MONITOR, SPEECH)
– ตัวกรองความถี่เสียง FIR
– โหมด Stereo และ Monitor
– หน้าจอ LCD แสดงผล
– ปุ่มเปิด – ปิดลำโพง

2. ลำโพงแอคทีฟ Proel Diva 15A Active Speaker
– ลำโพงแอคทีฟ 2 ทาง
– การตอบสนองความถี่ 45 Hz – 20 kHz
– ความดังพีคสุดที่ 129dB
– ดอกไดรเวอร์ HF ขนาด 1 นิ้ว
– ดอกไดรเวอร์ LF ขนาด 15 นิ้ว
– วัสดุวูฟเฟอร์ Titanium
– Amp Class D (LF), Amp Class AB (HF)
– กำลังขับต่อเนื่อง LF 400 วัตต์
– กำลังขับต่อเนื่อง HF 100 วัตต์
– กำลังขับ System 1000 วัตต์
– DSP 5 รูปแบบ (MUSIC, LIVE, DJ, MONITOR, SPEECH)
– ตัวกรองความถี่เสียง FIR
– โหมด Stereo และ Monitor
– หน้าจอ LCD แสดงผล
– ปุ่มเปิด – ปิดลำโพง

2. ลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta AXF12 Active Speaker

Bi-Amplified แยกขับระหว่าง LF & HF

ลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta-AXF12 Active speaker เป็นลำโพงแอคทีฟแบบ 2 ทาง Bi-Amplified มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

1. ให้กำลังขับที่เหมาะสมสำหรับแต่ละไดร์เวอร์ (HF และ LF) เนื่องจากมีแอมป์แยกอิสระสำหรับแต่ละไดร์เวอร์ ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจากไดร์เวอร์แต่ละตัว

2. ไม่จำเป็นต้องใช้ครอสโอเวอร์แบบพาสซีฟ เพราะมีการแยกสัญญาณความถี่ก่อนเข้าแอมป์ ทำให้ลดการสูญเสียกำลังและความผิดเพี้ยนจากครอสโอเวอร์

3. สามารถปรับแต่งเสียงได้อย่างละเอียดสำหรับแต่ละย่านความถี่ ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น

4. การตอบสนองต่อสัญญาณเสียงที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าแบบ Passive เนื่องจากควบคุมโดยระบบ Active ที่มีประสิทธิภาพ

5. ขนาดกะทัดรัด เพราะไม่ต้องมีตู้ใส่ครอสโอเวอร์แยกเพิ่ม สามารถนำพากันง่ายและติดตั้งได้สะดวก

6. ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพราะไม่จำเป็นต้องซื้อครอสโอเวอร์ และแอมป์แยกต่างหาก ครบชุดในลำโพงเดียว

7. เชื่อมต่อง่าย เพียงต่อสายสัญญาณจากมิกเซอร์หรือเครื่องเล่นเข้าที่ลำโพงโดยตรง ไม่ยุ่งยาก

ระบบจ่ายไฟแบบ SMPS

ระบบจ่ายไฟแบบ SMPS หรือ(Switched-Mode Power Supply) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจ่ายไฟสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูง

SMPS เป็นวงจรจ่ายไฟที่แปลงไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) จากแหล่งจ่ายไฟหลัก ให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่มีแรงดันเหมาะสมสำหรับใช้งานภายในลำโพง โดยใช้หลักการของการสวิตช์แรงดันไฟฟ้าที่ความถี่สูง ทำให้สามารถปรับแรงดันไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ

ตู้ลำโพงแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี
ลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta-AXF12 Active speaker ตัวตู้ลำโพงผลิตจากไม้อัดเบิร์ช (Birch Plywood) เป็นไม้อัดประเภทหนึ่ง ผลิตจากไม้เบิร์ช (Birch) ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งและมีเนื้อละเอียดทำให้งานไม้มีความเนียนเรียบสวยงาม อีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงกระแทกได้ดี ทนต่อความชื้น และเชื้อรา ไม่ผุกร่อนง่าย ที่ยิ่งไปกว่านั้นน้ำหนักเบา ไม้อัดเบิร์ชมีน้ำหนักเบา ทำให้งานไม้มีน้ำหนักเบา และสะดวกในการเคลื่อนย้าย

ทาสี Rhino Rock ทนต่อรอยขีดข่วน
ลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta-AXF12 Active speaker ทาสีแบบ Rhino Rock ผลิตจากอะคริลิกแท้ 100% เพิ่มความทนทาน ทนต่อรอยขีดข่วน ทนต่อความชื้น และทนต่อรังสียูวีอีกทั้งยังช่วยปกปิดพื้นผิวได้ดีเยี่ยมเพิ่มผิวเรียบเนียนสวยงาม ซึ่งสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยน้ำเปล่า และผ้าสะอาด โลโก้ Wharfedale Pro สวยงาม

ด้ามจับหุ้มยาง 2 ทิศทาง
ลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta-AXF12 Active speaker เพิ่มความแข็งแรงด้วยด้ามจับหุ้มยาง 4 ทิศทางทำให้สามารถยกเคลื่อนย้ายได้สะดวกมากขึ้น

ช่องกลมกลางลำโพงสำหรับเสียบขาตั้ง
ลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta-AXF12 Active speaker มีช่องกลมกลางลำโพงเพื่อเสียบขาตั้งในการใช้ควบคู่กับลำโพงซีรี่ย์อื่น ๆ นั้นเอง

รายละเอียดของลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta AXF12 Active Speaker

– ลำโพงแอคทีฟ 2 ทาง Bi-Amplified
– ดอกวูฟเฟอร์ 12 นิ้ว 1 ดอก
–  วอยซ์คอยล์ LF 3 นิ้ว
–  วอยซ์คอยล์ HF 2 นิ้ว
– การตอบสนองความถี่ 60 Hz-20 kHz (+/-3dB)
– ช่วงความถี่ 55 Hz-25 kHz (-10dB)
– ความดัง 130.5dB (@ 1 m)
– องศาครอบคลุมเสียง 90° x 45°
– แอมป์ Class D
– กำลังขับต่อเนื่อง 750 วัตต์ พีคสูงสุด 1500 วัตต์ ( LF 650w (Class D) Continuous, HF 100w (Class D) Continuous
– สวิตช์เปิด/ปิดเครื่อง (เปิดเครื่องหลังจากทำการเชื่อมต่อเสียงทั้งหมดแล้วเท่านั้น)
– ระบบป้องกันความร้อนจะปิดเครื่องและรีเซ็ตอัตโนมัติ
– ระบบป้องกันแรงดันไฟต่ำ (Low Line Voltage Shut Down) เป็นระบบรักษาความปลอดภัยในลำโพงไลน์อาร์เรย์ โดยจะตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าขาเข้าอยู่ตลอดเวลา หากแรงดันไฟตกต่ำกว่า 80% ของค่าแรงดันไฟฟ้าปกติ (Nominal Line Voltage) ระบบจะสั่งให้ลำโพงหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ
– ระบบป้องกันลำโพงในตัว (Driver Protection) สำหรับลำโพงย่านความถี่ต่ำ (LF) และลำโพงย่านความถี่สูง (HF) เรียกว่า Independent LF and HF Limiters ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันลำโพงไม่ให้เสียหายจากการใช้งานที่รุนแรงเกินไป

ระบบ Limiter นี้จะคอยตรวจสอบสัญญาณเสียงที่ส่งเข้ามายังลำโพงแต่ละย่านความถี่ หากพบว่ามีความดัง หรือ กำลังงานที่สูงเกินกว่าขีดจำกัดที่ปลอดภัยสำหรับลำโพง ระบบจะทำการลดทอนสัญญาณเสียงนั้นลงโดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้ลำโพงได้รับความเสียหาย

– สัญญาณไฟบอกสถานะ
1. ตัวบ่งชี้ลิมิตเตอร์ (สีแดง)

2. ไฟแสดงสถานะเพาเวอร์/แอคทีฟ (สีเขียว)

– ความต้านทานอินพุต Balanced:20KΩ Unbalanced:10KΩ
– ความต้านทานเอาต์พุต Balanced: 200Ω Unbalanced:100Ω
– ระบบจ่ายไฟแบบ SMPS (Switched-Mode Power Supply) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจ่ายไฟสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูง

SMPS เป็นวงจรจ่ายไฟที่แปลงไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) จากแหล่งจ่ายไฟหลัก ให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่มีแรงดันเหมาะสมสำหรับใช้งานภายในลำโพง โดยใช้หลักการของการสวิตช์แรงดันไฟฟ้าที่ความถี่สูง ทำให้สามารถปรับแรงดันไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ

การเชื่อมต่อของลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta AXF12 Active Speaker

– อินพุต XLR 1/4〞Combo jack / 2 x RCA
– ความไวอินพุต Mic:-40dBu Line:0dBu
– สวิตช์ระหว่างช่องไมค์ และ Line
– ช่องเอาต์พุต Switchable LOOP/MIX Balanced XLR Pin

วัสดุและขนาดของลำโพงแอคทีฟ Wharfedale Pro Delta AXF12 Active Speaker

– ลำโพงวัสดุไม้
– หน้ากากลำโพงวัสดุเหล็ก- ความกว้าง (หน้า) 15.35  นิ้ว
– ความกว้าง (หลัง) 9.5  นิ้ว
– ความลึก 14.69 นิ้ว
– ความสูง 25.2 นิ้ว
– น้ำหนักสุทธิ 26.5 กิโลกรัม

3. เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier

คุณสมบัติใหม่ที่อัพเดต:

• ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่อัปเดต

• เพิ่มฟังก์ชัน DSP ภายใน

• จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่

• ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้

• อินพุต AES / EBU

มาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูง

อินพุต AES/EBU เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงรายละเอียดให้ดังนี้:

1. ความหมาย:

   – AES ย่อมาจาก Audio Engineering Society

   – EBU ย่อมาจาก European Broadcasting Union

   – เป็นมาตรฐานที่พัฒนาร่วมกันโดยสององค์กรนี้

2. ลักษณะสำคัญ:

   – เป็นการส่งสัญญาณเสียงแบบดิจิทัล

   – ใช้สายแบบบาลานซ์ (balanced) 3 ขา คล้ายกับ XLR

   – รองรับความละเอียดเสียงสูงถึง 24 บิต และอัตราการสุ่มสัญญาณ (sampling rate) สูงถึง 192 kHz

3. ข้อดี:

   – คุณภาพเสียงสูง: ลดการสูญเสียคุณภาพเสียงในการส่งสัญญาณ

   – ต้านทานสัญญาณรบกวน: ทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดี

   – ส่งสัญญาณได้ระยะไกล: สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 100 เมตรโดยไม่เสียคุณภาพ

   – รองรับการส่งข้อมูลพิเศษ: เช่น ข้อมูลลิขสิทธิ์ หรือข้อมูลควบคุมอื่นๆ

4. การใช้งานในเพาเวอร์แอมป์:

   – รับสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงโดยตรง ไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ

   – เหมาะสำหรับระบบเสียงมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด

   – ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ เช่น มิกเซอร์ดิจิทัล หรือเครื่องเล่นสื่อดิจิทัลคุณภาพสูง

5. ความเข้ากันได้:

   – สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสียงมืออาชีพอื่น ๆ ที่ใช้มาตรฐาน AES/EBU

   – เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการบันทึกเสียงและการแพร่ภาพกระจายเสียง

6. ความแตกต่างจาก S/PDIF:

   – AES/EBU มักใช้ในอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ ในขณะที่ S/PDIF มักพบในอุปกรณ์ผู้บริโภคทั่วไป

   – AES/EBU ใช้แรงดันไฟฟ้าสูงกว่า ทำให้ส่งสัญญาณได้ไกลกว่า และทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า

7. ประโยชน์ในระบบเสียง:

   – รักษาคุณภาพเสียงตลอดทั้งระบบ โดยเฉพาะในระบบขนาดใหญ่ หรือ ซับซ้อน

   – ลดโอกาสการเกิดสัญญาณรบกวนหรือการสูญเสียคุณภาพเสียงในระหว่างการส่งสัญญาณ

โดยสรุป อินพุต AES/EBU ในเพาเวอร์แอมป์ช่วยให้สามารถรับสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงได้โดยตรง เหมาะสำหรับระบบเสียงมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและความน่าเชื่อถือสูงครับ

ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้

1. ความมั่นคงในการเชื่อมต่อ:

   – ล็อคแน่นหนา ไม่หลุดง่าย แม้ในสภาพการใช้งานที่มีการสั่นสะเทือน

   – ลดโอกาสการหลุดของสายระหว่างการแสดงสดหรือการบันทึกเสียง

2. คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น:

   – การเชื่อมต่อที่แน่นหนาช่วยรักษาคุณภาพของสัญญาณเสียง

   – ลดโอกาสเกิดเสียงรบกวนจากการเชื่อมต่อที่ไม่สมบูรณ์

3. ความปลอดภัย:

   – ป้องกันการถอดสายโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังกะทันหันหรือความเสียหายต่ออุปกรณ์

   – เหมาะสำหรับการติดตั้งในที่สาธารณะหรือพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน

4. ความทนทาน:

   – ออกแบบมาให้ทนต่อการใช้งานหนัก เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

   – อายุการใช้งานยาวนานกว่าขั้วต่อแบบธรรมดา

5. ความสะดวกในการใช้งาน:

   – ง่ายต่อการเสียบและถอด แต่ยังคงความแน่นหนา

   – มักมีกลไกล็อคที่ใช้งานง่าย สามารถล็อคและปลดล็อคได้รวดเร็ว

6. การป้องกันการสลับขั้ว:

   – ขั้วต่อ XLR มีการออกแบบที่ป้องกันการเสียบผิดขั้ว ช่วยป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์

7. เหมาะสำหรับการติดตั้งถาวร:

   – ในการติดตั้งระบบเสียงแบบถาวร ขั้วต่อแบบล็อคช่วยให้มั่นใจว่าการเชื่อมต่อจะคงอยู่ในสภาพที่ดีเป็นเวลานาน

8. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว:

   – ความทนทานและความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้นช่วยลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยๆ

9. มาตรฐานอุตสาหกรรม:

   – ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้เป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมเสียงมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ง่าย

โดยสรุป ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ คุณภาพเสียง และความปลอดภัยในการใช้งานเพาเวอร์แอมป์ เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในสตูดิโอ การแสดงสด และการติดตั้งระบบเสียงแบบถาวรครับ

จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่

1. ความหมายของ IPS:

   IPS ย่อมาจาก In-Plane Switching เป็นเทคโนโลยีการผลิตจอแสดงผล LCD ประเภทหนึ่ง

2. คุณสมบัติหลักของจอ IPS:

   – มุมมองกว้าง: สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากมุมที่กว้างขึ้น

   – สีสันสดใส: ให้สีที่สมจริงและสดใสกว่าจอ LCD แบบเดิม

   – ความคมชัดสูง: แสดงรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

3. ข้อดีในการใช้งานกับเพาเวอร์แอมป์:

   – อ่านค่าได้ง่ายขึ้น: สามารถดูข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอได้ชัดเจน แม้ในสภาพแสงที่ไม่เอื้ออำนวย

   – ใช้งานสะดวก: มองเห็นได้ชัดเจนจากหลายมุม ทำให้ปรับแต่งค่าต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น

   – แสดงข้อมูลได้มากขึ้น: ด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น สามารถแสดงข้อมูลได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม

   – ประหยัดพลังงาน: จอ IPS มักใช้พลังงานน้อยกว่าจอแบบเก่า

   – อายุการใช้งานยาวนาน: มีความทนทานสูง เหมาะกับการใช้งานหนัก

4. การแสดงผลที่ดีขึ้น:

   – แสดงกราฟและข้อมูลทางเทคนิคได้ละเอียดขึ้น เช่น กราฟ EQ, ระดับเสียง

   – แสดงสีของสัญญาณหรือสถานะต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ช่วยในการมอนิเตอร์ระบบ

5. ความสะดวกในการใช้งาน:

   – อินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่ดีขึ้น: สามารถออกแบบหน้าจอควบคุมให้ใช้งานง่ายและสวยงามยิ่งขึ้น

   – ตอบสนองรวดเร็ว: จอ IPS มักมีเวลาตอบสนองที่เร็ว ทำให้การควบคุมทำได้อย่างราบรื่น

6. เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงาน:

   – ทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดี เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

   – มองเห็นได้ชัดแม้ในที่มืด ซึ่งเป็นประโยชน์มากในการแสดงดนตรีสดหรือในสตูดิโอ

โดยสรุป จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความสะดวก ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการควบคุมและมอนิเตอร์เพาเวอร์แอมป์ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้นครับ

Ethernet x 2

เพาเวอร์แอมป์นี้มีช่องเชื่อมต่อ Ethernet จำนวน 2 ช่องอยู่ที่ด้านหน้าของเครื่อง ซึ่งใช้สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ผ่านระบบเครือข่าย ด้วยการเชื่อมต่อนี้ ผู้ใช้สามารถควบคุม และตรวจสอบการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้จากระยะไกล

นอกจากนี้ ทางผู้ผลิตได้จัดเตรียมซอฟต์แวร์ควบคุมมาให้พร้อมกับอุปกรณ์ ซึ่งซอฟต์แวร์นี้มีความสามารถครอบคลุมทุกการใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถ:

1. ปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของเพาเวอร์แอมป์ได้ทั้งหมด เช่น การตั้งค่าอีควอไลเซอร์, ครอสโอเวอร์, ระดับเสียง และอื่น ๆ

2. ตรวจสอบสถานะการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้แบบเรียลไทม์ เช่น อุณหภูมิ, ระดับสัญญาณเข้า-ออก, สถานการณ์ป้องกันต่าง ๆ

ทั้งหมดนี้สามารถทำได้จากระยะไกลผ่านการเชื่อมต่อ Ethernet โดยไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่องโดยตรง ซึ่งเพิ่มความสะดวก และประสิทธิภาพในการควบคุมระบบเสียงขนาดใหญ่ หรือ ในสถานที่ที่เข้าถึงอุปกรณ์ได้ยาก

คุณสมบัตินี้ทำให้เพาเวอร์แอมป์รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบเสียงระดับมืออาชีพ เช่น ในคอนเสิร์ตฮอลล์ สนามกีฬา หรือสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ ที่ต้องการการควบคุม และตรวจสอบระบบเสียงอย่างละเอียด และรวดเร็ว

การเชื่อมต่อแบบ Speakon
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier ด้านหลังเครื่องมีช่องต่อแบบ speakon ที่รองรับการต่อกับสายลำโพงแบบ speakon ซึ่งช่องต่อแบบ speakon เป็นช่องต่อสำหรับเชื่อมต่อสายลำโพงเข้ากับอุปกรณ์เครื่องเสียง เช่น เพาเวอร์แอมป์ ลำโพง หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้สัญญาณเสียงแบบสองขั้ว ช่องต่อแบบ speakon มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว ปลายทั้งสองด้านมีขั้วต่อแบบกลม

ช่องต่อแบบ speakon มีด้วยกันสองประเภทหลัก ๆ คือ

ช่องต่อ speakon 4 ขา เป็นประเภทที่พบเห็นทั่วไป ประกอบด้วยขั้วต่อสองขั้วสำหรับสัญญาณเสียง และอีกสองขั้วสำหรับการป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน

ช่องต่อ speakon 2 ขา เป็นประเภทที่พบเห็นน้อยกว่า ประกอบด้วยขั้วต่อเพียงสองขั้วสำหรับสัญญาณเสียงเท่านั้น

ช่องต่อแบบ speakon มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้สูง ช่องต่อแบบ speakon สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้สูงถึง 16 แอมป์ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกับลำโพงที่มีกำลังขับสูง

มีความแข็งแรงทนทาน ช่องต่อแบบ speakon ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทำให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการเสียดสี หรือ แรงกระแทก

ป้องกันการหลุดออกจากกัน ช่องต่อแบบ speakon มีกลไกป้องกันการหลุดออกจากกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าสายลำโพงจะไม่หลุดออกจากกันขณะใช้งาน

ช่องต่อแบบ speakon นิยมใช้ในงานระบบเสียงระดับมืออาชีพ เช่น งานแสดงสด งานคอนเสิร์ต งานกลางแจ้ง เป็นต้น

ปรับโหมดได้หลากหลาย

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP Series Amplifier ยังมีช่องรับสัญญาณแบบ XLR balanced ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบเสียงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสวิตช์ DIP ที่อยู่ด้านหลังเพื่อตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดสเตอริโอ โหมดโมโน โหมดบริจด์ และความไวของอินพุต 0.775 Vrms (35 dB) or 32 dB

ระบบป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier มี 5ระบบในการป้องกันอิเล็กทรอนิกส์

1. Power under-voltage protection (การป้องกันแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป)

   – ระบบนี้ช่วยป้องกันแอมป์เมื่อแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้แอมป์ต่ำเกินไป

   – หากแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป อาจทำให้แอมป์ทำงานผิดปกติหรือเสียหายได้

   – ระบบจะตัดการทำงานของแอมป์เมื่อตรวจพบแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินกำหนด

2. Amplifier output DC protection (การป้องกันไฟฟ้ากระแสตรงที่เอาต์พุต)

   – ป้องกันไม่ให้มีไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ออกจากแอมป์ไปยังลำโพง

   – ไฟ DC ที่ออกไปอาจทำให้ลำโพงเสียหายได้

   – ระบบจะตัดสัญญาณเอาต์พุตทันทีที่ตรวจพบ DC

3. Thermal Protection (การป้องกันความร้อน)

   – ป้องกันแอมป์จากความเสียหายเนื่องจากความร้อนสูงเกินไป

   – เมื่ออุณหภูมิสูงเกินค่าที่กำหนด ระบบจะปิดแอมป์หรือลดกำลังขับลง

   – ช่วยยืดอายุการใช้งานของแอมป์

4. Temperature Power Control (การควบคุมกำลังตามอุณหภูมิ)

   – ระบบนี้จะปรับลดกำลังขับของแอมป์เมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น

   – ช่วยให้แอมป์ยังคงทำงานต่อไปได้ แม้ในสภาวะที่ร้อน โดยไม่ต้องปิดระบบทั้งหมด

   – ทำงานก่อนที่ระบบ Thermal Protection จะทำงาน

5. Overload Power Control (การควบคุมกำลังเมื่อโหลดเกิน)

   – ควบคุมกำลังขับเมื่อตรวจพบว่ามีการใช้งานเกินกำลังของแอมป์

   – ช่วยป้องกันความเสียหายจากการใช้งานหนักเกินไป

   – อาจลดกำลังขับลงชั่วคราวเพื่อป้องกันแอมป์และลำโพง

ระบบป้องกันเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าเพาเวอร์แอมป์จะทำงานได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะการใช้งานที่หนัก หรือ ไม่เหมาะสมช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งแอมป์ และลำโพงครับ

ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่อัปเดต

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier ใช้ประโยชน์จากพลังของ DSP ภายในซอฟต์แวร์แก้ไขที่ให้มาช่วยให้มองเห็นภาพรวมที่ใช้งานได้จริงของพารามิเตอร์ระบบทั้งหมด และคุณสมบัติ DSP ภายในแอมป์ DP-F สามารถตรวจสอบและแก้ไข DP-F จากระยะไกลได้อย่างง่ายดาย

PFC เทคโนโลยีสำคัญในเพาเวอร์แอมป์

PFC หรือ Power Factor Correction เป็นเทคโนโลยีสำคัญในเพาเวอร์แอมป์สมัยใหม่ครับ หรือ การแก้ไขค่าตัวประกอบกำลังไฟฟ้า

หน้าที่หลัก:

   – ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า

   – ลดการสูญเสียพลังงานในระบบไฟฟ้า

วิธีการทำงาน:

   – ปรับแต่งรูปคลื่นกระแสไฟฟ้าให้สอดคล้องกับแรงดันไฟฟ้ามากที่สุด

   – ลดความแตกต่างระหว่างกำลังไฟฟ้าจริงที่ใช้กับกำลังไฟฟ้าปรากฏ

ประโยชน์ในเพาเวอร์แอมป์:

   – เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: ใช้พลังงานน้อยลงแต่ได้กำลังขับเท่าเดิม

   – ลดความร้อน: ช่วยให้แอมป์ทำงานเย็นลง ยืดอายุการใช้งาน

   – เสถียรภาพดีขึ้น: ทำให้แอมป์ทำงานได้คงที่แม้แรงดันไฟฟ้าจะไม่คงที่

   – ลดการรบกวนในระบบไฟฟ้า: ลดผลกระทบต่ออุปกรณ์อื่นในวงจรไฟฟ้าเดียวกัน

ผลต่อคุณภาพเสียง:

   – ให้เสียงที่สะอาดและชัดเจนขึ้น เนื่องจากลดการรบกวนทางไฟฟ้า

   – ตอบสนองต่อความต้องการกำลังไฟฟ้าสูงๆ ได้ดีขึ้น ทำให้เสียงมีพลังและไดนามิกดีขึ้น

ข้อดีอื่น ๆ:

   – ช่วยให้แอมป์ทำงานได้ดีในหลายประเทศที่มีระบบไฟฟ้าต่างกัน

   – ลดโอกาสการเกิดปัญหาจากไฟกระชาก

โดยสรุป PFC เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เพาเวอร์แอมป์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสถียร และให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น แม้ในสภาพแวดล้อมที่ระบบไฟฟ้าอาจไม่เสถียรครับ

พร้อมใช้งานกับระบบ 70 V / 100 V

ในตัวอย่างระบบอิมพีแดนซ์สูงนี้ DP-2200F สามารถขับลำโพง i8T ได้สูงสุด 100 ตัว การกำหนดค่านี้ยังสามารถขับลำโพง i8T น้อยกว่า 100 ตัวได้ด้วย ตั้งแต่ 2 ถึง 100 ตัว!

เมื่อสลับไปที่โหมด 100 V รุ่น DP-N (F) จะมีการตั้งค่า Peak Limiter และ RMS Limiter โดยอัตโนมัติ เพียงแค่ตั้งค่า HPF ในส่วน EQ เท่านั้น

สำคัญ: ก่อนเชื่อมต่อโหลดกับแอมป์ ให้วัดอิมพีแดนซ์ของสายด้วยเครื่องวัดอิมพีแดนซ์ (เครื่องราคาไม่แพงก็เพียงพอ) หากอิมพีแดนซ์โหลดต่ำเกินไป แอมป์จะรับโหลดมากเกินไปและอาจร้อนเกินหรือเกิดการบิดเบือน เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าคุณสามารถเชื่อมต่อลำโพงจำนวนไม่จำกัดกับสาย 100 V หรือ 70 V หากอิมพีแดนซ์โหลดวัดได้ต่ำกว่าอิมพีแดนซ์การทำงานขั้นต่ำของแอมป์ ให้ปรับแทปกำลังของลำโพงทั้งหมดไปที่ระดับต่ำลงถัดไป ซึ่งจะเพิ่มอิมพีแดนซ์โหลด แล้ววัดอีกครั้ง

พรีเซ็ตรวมอยู่ในที่เดียว

พรีเซ็ต DSP สามารถทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบ

เพื่อความง่าย เราได้สร้างไฟล์ดาวน์โหลดเดียวซึ่งมีพรีเซ็ตปัจจุบันทั้งหมดสำหรับลำโพงหลายรุ่นของเรา เพื่อใช้กับแอมป์ DP-F และ DP-N series เมื่อเราเพิ่มพรีเซ็ตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ไฟล์ ‘Wharfedale Pro Preset Library.zip’ จะขยายและมีคอลเลกชันพรีเซ็ตระบบที่สมบูรณ์

นอกจากนี้ยังมีไฟล์ README ที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละพรีเซ็ต

รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-2200F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 2 Channel
– Class D
– กำลังขับ 2 x 4760 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 2 x 3400 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 2 x 2000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
กำลังขับ 1 x 9520 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
กำลังขับ 1 x 6800 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 1 x 4000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
น้ำหนักสุทธิ 9.3 กิโลกรัม

รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-4100F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 4 Channel
– Class D
– กำลังขับ 4 x 2890 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 1700 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 1000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
กำลังขับ 2 x 5780 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
กำลังขับ 2 x 3400 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 2000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
น้ำหนักสุทธิ 9.1 กิโลกรัม

รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-4035F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 4 Channel
– Class D
– กำลังขับ 4 x 1010 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 595 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 350 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
กำลังขับ 2 x 2020 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
กำลังขับ 2 x 1190 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 700 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
น้ำหนักสุทธิ 8.0 กิโลกรัม

จากการสำรวจลำโพงที่มีการใช้ FIR Filter ในตลาดปัจจุบัน เราได้เห็นถึงความหลากหลายของตัวเลือกที่มีให้กับผู้บริโภค ตั้งแต่ลำโพงไฮเอนด์ราคาสูงลิบไปจนถึงรุ่นที่มีราคาเข้าถึงได้มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้กำลังแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการเครื่องเสียง

แม้ว่า FIR Filter จะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับทุกปัญหาในระบบเสียง แต่มันเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น ผู้ผลิตหลายรายกำลังลงทุนในเทคโนโลยีนี้ ซึ่งบ่งบอกถึงศักยภาพ และความสำคัญของมันในอนาคต

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาลำโพงคู่ใหม่ การพิจารณารุ่นที่มี FIR Filter อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น งบประมาณ ขนาดห้องฟัง และรสนิยมส่วนตัวในเรื่องเสียง

ท้ายที่สุด การเลือกลำโพงที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะบุคคล FIR Filter อาจเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้ลองฟังด้วยตัวเองและเลือกลำโพงที่ให้ประสบการณ์การฟังที่คุณพึงพอใจที่สุด

ไม่ว่าคุณจะเลือกลำโพงรุ่นใด เทคโนโลยี FIR Filter ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า โลกของเครื่องเสียงยังคงพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่ดีที่สุดให้กับผู้ฟังทุกคน

ช้อปสินค้า : https://shopee.co.th/soundrepublic

Share this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *