ข้อแตกต่างระหว่าง ลำโพงแบบPASSIVE และลำโพงแบบ ACTIVE
ถ้าพูดถึงลำโพงหลายๆคนคงไม่รู้ว่าลำโพงมีกี่ประเภท ถ้าคุณไม่ใช่คอเครื่องเสียงหรือคอลำโพงโดยตรง จะไม่มีทางรู้ได้เลย
วันนี้ทาง Sound republic จะมาแนะนำและวิธีจำแนกลำโพงแบบพื้นฐานให้คุณได้รู้จัก เราไปดูกันเลยว่าลำโพงที่สามารถจำแนกได้นั้นมีกี่กี่ประเภทและแบ่งตามลักษณะการใช้งานอย่างไร
ลำโพงแบบPassive
ลำโพง Passive คือลำโพงที่ไม่มีภาคขยายเสียงหรือ Amplifier ในตัวเอง เป็นเพียงตู้ลำโพงเปล่าๆที่มาพร้อมกับดอกลำโพง จะต้องใช้งานคู่กับเครื่องขยายเสียงหรือ Amplifier มาเชื่อมต่อเพื่อขับให้ลำโพง Passive ทำงาน ซึ่งโทนเสียงของลำโพงก็จะเปลี่ยนตามแอมป์ที่ใช้งาน ตู้ลำโพงแบบ Passive มักจะมีคุณภาพที่ดีกว่า ลำโพงชนิดนี้ส่วนมากจะถูกใช้งานในงานคอนเสิร์ตใหญ่ๆ หรืองานระบบเสียงห้องประชุมต่าง ๆ เพราะสามารถควบคุมระบบได้จากจุดๆเดียว
ข้อดีของลำโพงแบบ Passive คือ สามารถหาแอมป์ ในโทนเสียงที่ชอบมาปรับเสียงที่จะขับออกจากลำโพงได้ ทำให้ได้โทนเสียงในทางที่ชอบได้ ยิ่งถ้ามีความสามารถในการเล่นเครื่องเสียงแล้วตัวลำโพงก็จะยิ่งทำให้ได้เสียงที่ดีขึ้นอีกด้วย
ลำโพงแบบ Active
ลำโพง Active คือ ลำโพงที่มีภาคขยายเสียงหรือAmplifierในตัวเพียงเสียบปลั๊กไ (สาย AC) ต่อ Input เข้าไปแล้วขับเสียงออกทางลำโพงได้เลยซึ่งผู้ผลิตลำโพงแบบ Active ในแต่ละแบรนด์จะคำนวณและผลิตกำละวัตต์แอมป์ให้เหมาะสมกับดอกของลำโพงมาแล้ว แอมป์ที่ใช้ก็มีให้เลือกอีกว่าเป็น Class AB หรือ Class D ซึ่งราคาก็จะต่างกันไปด้วย ส่วนใหญ่ลำโพงแบบActive จะเหมาะกับงานคอนเสิร์ตงานEvent งานออกบูท หรืองาน Exhibition ต่างๆ เพราะ สามารถที่จะเคลื่อนย้ายได้สะดวก
ซึ่งส่วนใหญ่จะเหมาะกับงานคอนเสิร์ต, งานออก Event, งานออกบูท หรืองาน Exhibition ต่างๆ บริษัทออแกไนซ์เซอร์
ข้อดี คือ ใช้สามารถใช้งานได้ง่ายสะดวก เสียงที่ออกมาดีตามมาตรฐาน
ใส่ความเห็น