10 เหตุผล ทำไมต้องเลือก Klipsch The One II & The Three II
ปัจจุบันนี้จะหาซื้อ ลำโพงบลูทูธเสียงดี จะหาว่า ลำโพงบลูทูธยี่ห้อไหนดี สักตัวนึง เราก็ต้องเปรียบเทียบความคุ้มค่ากันของเงินที่จะเสียไปใช่ไหมละครับ ทั้งเรื่องของคุณภาพเสียง ความคุ้มค่าของราคา ประสิทธิภาพในการใช้งาน ใช้งานง่ายไหม สะดวกในการเชื่อมต่อไหม ชื่อเสียงของแบรนด์ ที่มาที่ไปของแบรนด์นั้นๆ เป็นสิ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจเลือกซื้อได้เป็นอย่างดีเลยใช่ไหมละครับ
โดยเราขอแนะนำแบรนด์ Klipsch ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ติดอยู่ในใจของใครหลายๆคน ด้วย Market Share ที่มีมากถึง 25% ในตลาด ก่อตั้งมายาวนานกว่า 70 ปี โดยยังคงหลักสำคัญของผู้ก่อตั้งมาตลอด โดยมี 4 หลักสำคัญดังนี้ 1) ไดนามิกเร็นต์ที่กว้าง 2) การควบคุมทิศทาง 3) ความถี่ตอบสนองแฟลต 4)ประสิทธิภาพสูง ความเพี้ยนต่ำ
Klipsch ยังได้มีการสร้างซีรีย์รุ่นโด่งดังเอาไว้มากมาย แต่หนึ่งในรุ่นเด่นๆเลยก็คือ Heritage classic เป็นรุ่นสร้างชื่อของ Klipsch ให้หลายคนได้รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นลำโพง Klipschorn, La Scala, Heresy, Forte จนก้าวข้ามมาในปัจจุบันทาง Klipsch ได้มีการพัฒนาต่อยอดจากซีรีย์นี้เป็น Heritage Wireless ปัจจุบันเป็น Gen ที่ 2 กันแล้ว และล่าสุดได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้ซีรีย์นี้ได้แก่ รุ่น The One II & The Three II เป็น ลำโพงบลูทูธ ที่เสียงจัดอยู่ในระดับ Hi End ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาทุกท่านไปพบกับ 10 เหตุผล ทำไมต้องเลือก Klipsch The One II & The Three II กันดีกว่าครับ ว่าจะมีอะไรกันบ้างที่จะทำให้ต้องตัดสินใจเลือกซื้อเจ้าลำโพงบลูทูธ รุ่นนี้
1. มรดกความคลาสสิกเหนือกาลเวลา จากรุ่นสู่รุ่น จากตำนาน Heritage ตัวเก๋า สู่รุ่น Heritage Wireless
จากตำนานที่ยาวนานของแบรนด์ Klipsch ได้สร้างชื่อเสียงพัฒนาซีรีย์ของลำโพงออกมามากมาย และหนึ่งในรุ่นที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ Klipsch เป็นอย่างมากเลยได้แก่ Heritage Series อย่างรุ่น Heresy, Klipschorn และ La Scala ที่เป็นลำโพงวินเทจซึ่งนักเล่นต่างถวิลหาตั้งแต่อดีต จนถึงในยุคปัจจุบันที่มีการพัฒนามาในซีรีย์ของ Heritage Wireless เป็นประเภทของ ลำโพงบลูทูธ ที่ยังคงไว้ของความคลาสสิก วินเทจ แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความโมเดิร์นสมัยใหม่
2. True Legendary ตัวจริงด้านลำโพง ด้วยประสบการณ์กว่า 70 ปี
กว่าช่วงทศวรรษที่ผ่านมาที่แบรนด์ Klipsch ได้สร้างชื่อมาอย่างยาวนาน ด้วยปรัชญาของ Paul.W.Klipsch ที่ต้องการสร้างลำโพงที่ให้เสียงสมจริง แถมยังการันตีสิทธิบัตรกว่า 22 ราย อนึ่งยังมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งตลอดช่วงที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกา เป็นตัวการันตีความนิยมของแบรนด์ Klipsch ที่สร้างชื่อมาอย่างยาวนาน ดังนั้นลำโพง The One ii, The Three ii ได้รับเทคโนโลยี โนว์ฮาวจากประสบการณ์จากผู้ผลิตชั้นนำสู่ลำโพงรุ่นนี้ด้วย
3. True Craftmanship วัสดุที่ทำจากไม้แท้
ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย ทั้งเรื่องของการดีไซน์รูปทรงที่ให้เข้ากับยุคสมัย ด้วยไม้วีเนียร์แท้ อันมีเอกลักษณ์ มาพร้อมกับแผงคอนโทรล ด้วยวัสดุโลหะ เรียกได้ว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบมา เพื่อให้ได้เสียงที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง
4. True Connectivity สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกสบาย
Klipsch The One II & The Three II สะดวกในการใช้งาน เพราะมีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเชื่อมต่อผ่าน Computer, Smart Phone, Tablet, CD Player โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Turntable ที่ลำโพงน้อยรายนักที่จะใส่ช่องต่อนี้มากับลำโพงบลูทูธด้วย สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ทั้งหมด ทำให้ง่ายต่อการ Connect สะดวกในการใช้งานทุกรูปแบบ
5. True You มันใช่สำหรับคุณ
Klipsch รู้สิ่งที่ใช่สำหรับคุณ ลำโพงที่ใช่สำหรับคุณ เสียงสำหรับคุณ และคุณคือตัวคุณ ลำโพงที่ถ่ายทอดความเป็นคุณ ความทันสมัย มีสไตล์ ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอล การฟังเพลง Klipsch The One ii, The Three ii มันจึงใช่สุดๆสำหรับคุณ
6. ดีไซน์สุดล้ำ คลาสสิกและโมเดิร์นไปในตัว
จากที่กล่าวมา ด้วยดีไซน์ที่ออกแบบมาแบบคลาสสิก มีสไตล์ และยังคงดูโมเดิร์นเหมาะกับการตกแต่งบ้าน ราวกับเป็นเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี ดูมีระดับ ใครเห็นใครมาก็ต้องชอบใจ มาด้วยกันถึง 2 สี ทั้งสี Walnut แบบใหม่ที่ให้ความหรูหรา และสี Matte black ที่ออกมาแนวเงียบครึม ดูโมเดิร์น เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี
7. เข้าถึงสัมผัสแห่งความคลาสสิก
นอกจากรูปลักษณ์ของลำโพงไม้ที่มีหน้าตาความคลาสิกแล้ว ปุ่มกด สวิตซ์เปิดปิด ที่ทำมาจากโลหะ ยังให้ความรู้สึกมีความเป็นอนาล็อกในวันเก่าๆ อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามตัวตู้ภายใจยังคงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและโนว์ฮาวกว่า 70 ปีของ Klipsch
8.สไตล์เสียงที่อัพเกรดให้ดีมากยิ่งขึ้น
ด้วยการจูนเสียงจากวิศวกรที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานในวงการลำโพง และการปรับจูนอัพเกรดใหม่ในครั้งนี้ ได้มีการเพิ่มกำลังขับ กันถึง 10w เลยทีเดียว ถือว่าไม่น้อยกันเลยทีเดียวนะครับ เพราะได้เสียงกลางแหลมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เสียงเบสที่โอบล้อม กระแทกออกมาเป็นลูกๆได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังได้เสียงที่กว้างมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ถ้าได้ลองฟังแล้วละก็รับรองเลยว่าจะติดใจเลยละครับ
9.ฐานตั้งแบบใหม่ มีความแข็งแรงทนทาน ลดการสั่นสะเทือน
แน่นอนว่าการออกแบบใหม่นี้ ยังคำนึงไปถึงเรื่องของฐานตั้งที่จากเดิมเป็นฐานไม้ 2 ฐาน 2 ด้าน ทำให้อาจเกิดการโยกไปมา แต่ในรุ่นใหม่นี้ทำฐานมาอย่างแข็งแรงทนทาน ทั้ง 4 ด้านของตัวลำโพง ทำให้ตัวลำโพงมีความแข็งแรงทนทาน และยังช่วยลดการสั่นสะเทือนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย
10. แบรนด์ลำโพงอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา
แน่นอนเลยนะครับว่า Klipsch ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมามากว่า 70 ปี ทำให้เรื่องของชื่อเสียง และความทับใจ จึงมีอยู่ในใจของใครหลายๆคน ทั้งเรื่องของส่วนแบ่งทางการตลาดที่ครองมาเป็นอันดับ 1 ในส่วนของลำโพงและเป็นอันดับต้นๆ ในใจของเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม ด้วย Market Share ที่เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เลยว่า Klipsch ได้ครองใจและให้ความมั่นใจกับลำโพงแบรนด์มาตรฐานระดับโลก (ข้อมูลอ้างอิงจาก NPD)
จบกันไปแล้วนะครับ กับ 10 เหตุผลทำไมต้องเลือก Klipsch The One II & The Three II ทั้งในเรื่องของดีไซน์คลาสสิกที่เข้าได้ง่ายกับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน หรือร้านคาเฟ่ ร้านกาแฟ การตอบโจทย์ของไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน การเชื่อมต่อที่มีหลากหลายไว้รองรับทุกการใช้งาน และที่มากกว่าคือการเชื่อมต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียง สัมผัสแห่งความเป็นอนาล็อก จริงๆแล้วมันมีอีกหลายเหตุผลมากเลยนะครับ ที่จะให้คุณได้ตัดสินใจเลือก Klipsch ทั้งนี้แล้วอยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างออกไปกันดูครับ
ใส่ความเห็น