fbpx

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier

นวัตกรรมไม่เคยหยุดนิ่งในวงการเครื่องเสียงระดับมืออาชีพ และ Wharfedale Pro ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เพาเวอร์แอมป์ในซีรีส์ DP-F ได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของนักเสียงมืออาชีพไปอย่างสิ้นเชิง

การอัพเกรดครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการปรับปรุงเล็กน้อย แต่เป็นการยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถของเพาเวอร์แอมป์ DP-F Series ในทุกด้าน ตั้งแต่การปรับปรุงซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ไปจนถึงการเพิ่มฟังก์ชัน DSP ภายในที่ทันสมัย ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงได้ละเอียดและตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงแต่การอัพเกรดภายใน Wharfedale Pro ยังให้ความสำคัญกับการใช้งานและความสะดวกสบายของผู้ใช้ ด้วยการติดตั้งจอแสดงผลสี IPS แบบใหม่ที่ให้ภาพคมชัดและมุมมองที่กว้างขึ้น ทำให้การตั้งค่าและตรวจสอบสถานะของเครื่องทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การเพิ่มขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมการแสดงสดที่มีการสั่นสะเทือนสูง และการเพิ่มอินพุต AES/EBU ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิทัลระดับมืออาชีพได้โดยตรง รับประกันคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดตลอดทั้งระบบ

การอัพเกรดครั้งนี้ของ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้ใช้งานจริง ทำให้เพาเวอร์แอมป์รุ่นนี้พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของนักเสียงมืออาชีพในยุคปัจจุบันและอนาคต

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier

คุณสมบัติใหม่ที่อัพเดต:

• ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่อัปเดต

• เพิ่มฟังก์ชัน DSP ภายใน

• จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่

• ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้

• อินพุต AES / EBU

FIR filter

FIR filter หรือ Finite Impulse Response filter ในลำโพงเป็นเทคโนโลยีการประมวลผลสัญญาณดิจิทัลที่กำลังปฏิวัติวงการเครื่องเสียงไฮเอนด์ ระบบนี้ทำหน้าที่เสมือนสมองอัจฉริยะที่คอยควบคุมและปรับแต่งเสียงของลำโพงให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ในโลกของเสียงดิจิทัล FIR filter ทำงานโดยการประมวลผลสัญญาณเสียงก่อนที่จะส่งไปยังวงจรขยายเสียงและดอกลำโพง ด้วยอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน FIR filter สามารถปรับแต่งการตอบสนองความถี่และเฟสของเสียงได้อย่างแม่นยำ ละเอียดอ่อน และมีประสิทธิภาพมากกว่าวงจรแบบแอนะล็อกแบบเดิม

ประโยชน์ของ FIR filter ในลำโพงนั้นมีมากมาย เริ่มจากการปรับปรุงการตอบสนองความถี่ให้เรียบและสม่ำเสมอ ทำให้เสียงที่ออกมามีความสมดุลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถแก้ไขปัญหาเฟสที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างดอกลำโพงต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในลำโพงหลายทาง ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพเสียงที่กว้างและลึกขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนนักดนตรีกำลังเล่นสดอยู่ตรงหน้า

FIR filter ยังช่วยชดเชยข้อจำกัดทางกายภาพของตู้ลำโพงและดอกลำโพง ทำให้ผู้ผลิตสามารถสร้างลำโพงที่มีขนาดกะทัดรัดแต่ให้เสียงที่เต็มอิ่มและทรงพลังได้ ในลำโพงระดับไฮเอนด์ FIR filter ถูกใช้เพื่อปรับแต่งการครอสโอเวอร์ระหว่างดอกลำโพงแต่ละตัวให้ราบรื่นและกลมกลืนมากขึ้น รวมถึงแก้ไขการตอบสนองที่ไม่สม่ำเสมอของดอกลำโพง ทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงที่ชัดเจนขึ้นในทุกย่านความถี่

หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของ FIR filter คือความสามารถในการอัพเดทและปรับปรุงผ่านซอฟต์แวร์ ทำให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพเสียงของลำโพงได้อย่างต่อเนื่อง แม้หลังจากที่ผู้ใช้ซื้อไปแล้ว นี่เป็นการเปิดมิติใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องเสียง

อย่างไรก็ตาม การใช้ FIR filter ในลำโพงก็มีข้อควรพิจารณาบางประการ เนื่องจากต้องการกำลังประมวลผลสูง จึงอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และอาจมีความหน่วงเวลาเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วผลกระทบนี้แทบไม่สังเกตได้ในการฟังปกติ

โดยสรุป FIR filter ในลำโพงเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการเครื่องเสียงไฮเอนด์ ด้วยความสามารถในการปรับแต่งเสียงที่ละเอียดและแม่นยำ ทำให้ผู้ฟังได้สัมผัสกับประสบการณ์เสียงที่ใกล้เคียงกับความตั้งใจของศิลปินมากที่สุด ในอนาคต เราอาจเห็นการใช้ FIR filter แพร่หลายมากขึ้นในลำโพงทุกระดับ นำมาซึ่งคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นสำหรับผู้ฟังทุกคน

มาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูง

อินพุต AES/EBU เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงรายละเอียดให้ดังนี้:

1. ความหมาย:

   – AES ย่อมาจาก Audio Engineering Society

   – EBU ย่อมาจาก European Broadcasting Union

   – เป็นมาตรฐานที่พัฒนาร่วมกันโดยสององค์กรนี้

2. ลักษณะสำคัญ:

   – เป็นการส่งสัญญาณเสียงแบบดิจิทัล

   – ใช้สายแบบบาลานซ์ (balanced) 3 ขา คล้ายกับ XLR

   – รองรับความละเอียดเสียงสูงถึง 24 บิต และอัตราการสุ่มสัญญาณ (sampling rate) สูงถึง 192 kHz

3. ข้อดี:

   – คุณภาพเสียงสูง: ลดการสูญเสียคุณภาพเสียงในการส่งสัญญาณ

   – ต้านทานสัญญาณรบกวน: ทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดี

   – ส่งสัญญาณได้ระยะไกล: สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 100 เมตรโดยไม่เสียคุณภาพ

   – รองรับการส่งข้อมูลพิเศษ: เช่น ข้อมูลลิขสิทธิ์ หรือข้อมูลควบคุมอื่นๆ

4. การใช้งานในเพาเวอร์แอมป์:

   – รับสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงโดยตรง ไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ

   – เหมาะสำหรับระบบเสียงมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด

   – ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ เช่น มิกเซอร์ดิจิทัล หรือเครื่องเล่นสื่อดิจิทัลคุณภาพสูง

5. ความเข้ากันได้:

   – สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสียงมืออาชีพอื่น ๆ ที่ใช้มาตรฐาน AES/EBU

   – เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการบันทึกเสียงและการแพร่ภาพกระจายเสียง

6. ความแตกต่างจาก S/PDIF:

   – AES/EBU มักใช้ในอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ ในขณะที่ S/PDIF มักพบในอุปกรณ์ผู้บริโภคทั่วไป

   – AES/EBU ใช้แรงดันไฟฟ้าสูงกว่า ทำให้ส่งสัญญาณได้ไกลกว่า และทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า

7. ประโยชน์ในระบบเสียง:

   – รักษาคุณภาพเสียงตลอดทั้งระบบ โดยเฉพาะในระบบขนาดใหญ่ หรือ ซับซ้อน

   – ลดโอกาสการเกิดสัญญาณรบกวนหรือการสูญเสียคุณภาพเสียงในระหว่างการส่งสัญญาณ

โดยสรุป อินพุต AES/EBU ในเพาเวอร์แอมป์ช่วยให้สามารถรับสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงได้โดยตรง เหมาะสำหรับระบบเสียงมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและความน่าเชื่อถือสูงครับ

ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้

1. ความมั่นคงในการเชื่อมต่อ:

   – ล็อคแน่นหนา ไม่หลุดง่าย แม้ในสภาพการใช้งานที่มีการสั่นสะเทือน

   – ลดโอกาสการหลุดของสายระหว่างการแสดงสดหรือการบันทึกเสียง

2. คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น:

   – การเชื่อมต่อที่แน่นหนาช่วยรักษาคุณภาพของสัญญาณเสียง

   – ลดโอกาสเกิดเสียงรบกวนจากการเชื่อมต่อที่ไม่สมบูรณ์

3. ความปลอดภัย:

   – ป้องกันการถอดสายโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังกะทันหันหรือความเสียหายต่ออุปกรณ์

   – เหมาะสำหรับการติดตั้งในที่สาธารณะหรือพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน

4. ความทนทาน:

   – ออกแบบมาให้ทนต่อการใช้งานหนัก เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

   – อายุการใช้งานยาวนานกว่าขั้วต่อแบบธรรมดา

5. ความสะดวกในการใช้งาน:

   – ง่ายต่อการเสียบและถอด แต่ยังคงความแน่นหนา

   – มักมีกลไกล็อคที่ใช้งานง่าย สามารถล็อคและปลดล็อคได้รวดเร็ว

6. การป้องกันการสลับขั้ว:

   – ขั้วต่อ XLR มีการออกแบบที่ป้องกันการเสียบผิดขั้ว ช่วยป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์

7. เหมาะสำหรับการติดตั้งถาวร:

   – ในการติดตั้งระบบเสียงแบบถาวร ขั้วต่อแบบล็อคช่วยให้มั่นใจว่าการเชื่อมต่อจะคงอยู่ในสภาพที่ดีเป็นเวลานาน

8. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว:

   – ความทนทานและความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้นช่วยลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยๆ

9. มาตรฐานอุตสาหกรรม:

   – ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้เป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมเสียงมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ง่าย

โดยสรุป ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ คุณภาพเสียง และความปลอดภัยในการใช้งานเพาเวอร์แอมป์ เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในสตูดิโอ การแสดงสด และการติดตั้งระบบเสียงแบบถาวรครับ

จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่

1. ความหมายของ IPS:

   IPS ย่อมาจาก In-Plane Switching เป็นเทคโนโลยีการผลิตจอแสดงผล LCD ประเภทหนึ่ง

2. คุณสมบัติหลักของจอ IPS:

   – มุมมองกว้าง: สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากมุมที่กว้างขึ้น

   – สีสันสดใส: ให้สีที่สมจริงและสดใสกว่าจอ LCD แบบเดิม

   – ความคมชัดสูง: แสดงรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

3. ข้อดีในการใช้งานกับเพาเวอร์แอมป์:

   – อ่านค่าได้ง่ายขึ้น: สามารถดูข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอได้ชัดเจน แม้ในสภาพแสงที่ไม่เอื้ออำนวย

   – ใช้งานสะดวก: มองเห็นได้ชัดเจนจากหลายมุม ทำให้ปรับแต่งค่าต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น

   – แสดงข้อมูลได้มากขึ้น: ด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น สามารถแสดงข้อมูลได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม

   – ประหยัดพลังงาน: จอ IPS มักใช้พลังงานน้อยกว่าจอแบบเก่า

   – อายุการใช้งานยาวนาน: มีความทนทานสูง เหมาะกับการใช้งานหนัก

4. การแสดงผลที่ดีขึ้น:

   – แสดงกราฟและข้อมูลทางเทคนิคได้ละเอียดขึ้น เช่น กราฟ EQ, ระดับเสียง

   – แสดงสีของสัญญาณหรือสถานะต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ช่วยในการมอนิเตอร์ระบบ

5. ความสะดวกในการใช้งาน:

   – อินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่ดีขึ้น: สามารถออกแบบหน้าจอควบคุมให้ใช้งานง่ายและสวยงามยิ่งขึ้น

   – ตอบสนองรวดเร็ว: จอ IPS มักมีเวลาตอบสนองที่เร็ว ทำให้การควบคุมทำได้อย่างราบรื่น

6. เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงาน:

   – ทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดี เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

   – มองเห็นได้ชัดแม้ในที่มืด ซึ่งเป็นประโยชน์มากในการแสดงดนตรีสดหรือในสตูดิโอ

โดยสรุป จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความสะดวก ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการควบคุมและมอนิเตอร์เพาเวอร์แอมป์ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้นครับ

Ethernet x 2

เพาเวอร์แอมป์นี้มีช่องเชื่อมต่อ Ethernet จำนวน 2 ช่องอยู่ที่ด้านหน้าของเครื่อง ซึ่งใช้สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ผ่านระบบเครือข่าย ด้วยการเชื่อมต่อนี้ ผู้ใช้สามารถควบคุม และตรวจสอบการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้จากระยะไกล

นอกจากนี้ ทางผู้ผลิตได้จัดเตรียมซอฟต์แวร์ควบคุมมาให้พร้อมกับอุปกรณ์ ซึ่งซอฟต์แวร์นี้มีความสามารถครอบคลุมทุกการใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถ:

1. ปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของเพาเวอร์แอมป์ได้ทั้งหมด เช่น การตั้งค่าอีควอไลเซอร์, ครอสโอเวอร์, ระดับเสียง และอื่น ๆ

2. ตรวจสอบสถานะการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้แบบเรียลไทม์ เช่น อุณหภูมิ, ระดับสัญญาณเข้า-ออก, สถานการณ์ป้องกันต่าง ๆ

ทั้งหมดนี้สามารถทำได้จากระยะไกลผ่านการเชื่อมต่อ Ethernet โดยไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่องโดยตรง ซึ่งเพิ่มความสะดวก และประสิทธิภาพในการควบคุมระบบเสียงขนาดใหญ่ หรือ ในสถานที่ที่เข้าถึงอุปกรณ์ได้ยาก

คุณสมบัตินี้ทำให้เพาเวอร์แอมป์รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบเสียงระดับมืออาชีพ เช่น ในคอนเสิร์ตฮอลล์ สนามกีฬา หรือสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ ที่ต้องการการควบคุม และตรวจสอบระบบเสียงอย่างละเอียด และรวดเร็ว

การเชื่อมต่อแบบ Speakon

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier ด้านหลังเครื่องมีช่องต่อแบบ speakon ที่รองรับการต่อกับสายลำโพงแบบ speakon ซึ่งช่องต่อแบบ speakon เป็นช่องต่อสำหรับเชื่อมต่อสายลำโพงเข้ากับอุปกรณ์เครื่องเสียง เช่น เพาเวอร์แอมป์ ลำโพง หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้สัญญาณเสียงแบบสองขั้ว ช่องต่อแบบ speakon มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว ปลายทั้งสองด้านมีขั้วต่อแบบกลม

ช่องต่อแบบ speakon มีด้วยกันสองประเภทหลัก ๆ คือ

ช่องต่อ speakon 4 ขา เป็นประเภทที่พบเห็นทั่วไป ประกอบด้วยขั้วต่อสองขั้วสำหรับสัญญาณเสียง และอีกสองขั้วสำหรับการป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน

ช่องต่อ speakon 2 ขา เป็นประเภทที่พบเห็นน้อยกว่า ประกอบด้วยขั้วต่อเพียงสองขั้วสำหรับสัญญาณเสียงเท่านั้น

ช่องต่อแบบ speakon มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้สูง ช่องต่อแบบ speakon สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้สูงถึง 16 แอมป์ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกับลำโพงที่มีกำลังขับสูง

มีความแข็งแรงทนทาน ช่องต่อแบบ speakon ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทำให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการเสียดสี หรือ แรงกระแทก

ป้องกันการหลุดออกจากกัน ช่องต่อแบบ speakon มีกลไกป้องกันการหลุดออกจากกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าสายลำโพงจะไม่หลุดออกจากกันขณะใช้งาน

ช่องต่อแบบ speakon นิยมใช้ในงานระบบเสียงระดับมืออาชีพ เช่น งานแสดงสด งานคอนเสิร์ต งานกลางแจ้ง เป็นต้น

ปรับโหมดได้หลากหลาย

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP Series Amplifier ยังมีช่องรับสัญญาณแบบ XLR balanced ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบเสียงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสวิตช์ DIP ที่อยู่ด้านหลังเพื่อตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดสเตอริโอ โหมดโมโน โหมดบริจด์ และความไวของอินพุต 0.775 Vrms (35 dB) or 32 dB

ระบบป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier มี 5ระบบในการป้องกันอิเล็กทรอนิกส์

1. Power under-voltage protection (การป้องกันแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป)

   – ระบบนี้ช่วยป้องกันแอมป์เมื่อแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้แอมป์ต่ำเกินไป

   – หากแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป อาจทำให้แอมป์ทำงานผิดปกติหรือเสียหายได้

   – ระบบจะตัดการทำงานของแอมป์เมื่อตรวจพบแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินกำหนด

2. Amplifier output DC protection (การป้องกันไฟฟ้ากระแสตรงที่เอาต์พุต)

   – ป้องกันไม่ให้มีไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ออกจากแอมป์ไปยังลำโพง

   – ไฟ DC ที่ออกไปอาจทำให้ลำโพงเสียหายได้

   – ระบบจะตัดสัญญาณเอาต์พุตทันทีที่ตรวจพบ DC

3. Thermal Protection (การป้องกันความร้อน)

   – ป้องกันแอมป์จากความเสียหายเนื่องจากความร้อนสูงเกินไป

   – เมื่ออุณหภูมิสูงเกินค่าที่กำหนด ระบบจะปิดแอมป์หรือลดกำลังขับลง

   – ช่วยยืดอายุการใช้งานของแอมป์

4. Temperature Power Control (การควบคุมกำลังตามอุณหภูมิ)

   – ระบบนี้จะปรับลดกำลังขับของแอมป์เมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น

   – ช่วยให้แอมป์ยังคงทำงานต่อไปได้ แม้ในสภาวะที่ร้อน โดยไม่ต้องปิดระบบทั้งหมด

   – ทำงานก่อนที่ระบบ Thermal Protection จะทำงาน

5. Overload Power Control (การควบคุมกำลังเมื่อโหลดเกิน)

   – ควบคุมกำลังขับเมื่อตรวจพบว่ามีการใช้งานเกินกำลังของแอมป์

   – ช่วยป้องกันความเสียหายจากการใช้งานหนักเกินไป

   – อาจลดกำลังขับลงชั่วคราวเพื่อป้องกันแอมป์และลำโพง

ระบบป้องกันเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าเพาเวอร์แอมป์จะทำงานได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะการใช้งานที่หนัก หรือ ไม่เหมาะสมช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งแอมป์ และลำโพงครับ

ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่อัปเดต

เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier ใช้ประโยชน์จากพลังของ DSP ภายในซอฟต์แวร์แก้ไขที่ให้มาช่วยให้มองเห็นภาพรวมที่ใช้งานได้จริงของพารามิเตอร์ระบบทั้งหมด และคุณสมบัติ DSP ภายในแอมป์ DP-F สามารถตรวจสอบและแก้ไข DP-F จากระยะไกลได้อย่างง่ายดาย

PFC เทคโนโลยีสำคัญในเพาเวอร์แอมป์

PFC หรือ Power Factor Correction เป็นเทคโนโลยีสำคัญในเพาเวอร์แอมป์สมัยใหม่ครับ หรือ การแก้ไขค่าตัวประกอบกำลังไฟฟ้า

หน้าที่หลัก:

   – ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า

   – ลดการสูญเสียพลังงานในระบบไฟฟ้า

วิธีการทำงาน:

   – ปรับแต่งรูปคลื่นกระแสไฟฟ้าให้สอดคล้องกับแรงดันไฟฟ้ามากที่สุด

   – ลดความแตกต่างระหว่างกำลังไฟฟ้าจริงที่ใช้กับกำลังไฟฟ้าปรากฏ

ประโยชน์ในเพาเวอร์แอมป์:

   – เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: ใช้พลังงานน้อยลงแต่ได้กำลังขับเท่าเดิม

   – ลดความร้อน: ช่วยให้แอมป์ทำงานเย็นลง ยืดอายุการใช้งาน

   – เสถียรภาพดีขึ้น: ทำให้แอมป์ทำงานได้คงที่แม้แรงดันไฟฟ้าจะไม่คงที่

   – ลดการรบกวนในระบบไฟฟ้า: ลดผลกระทบต่ออุปกรณ์อื่นในวงจรไฟฟ้าเดียวกัน

ผลต่อคุณภาพเสียง:

   – ให้เสียงที่สะอาดและชัดเจนขึ้น เนื่องจากลดการรบกวนทางไฟฟ้า

   – ตอบสนองต่อความต้องการกำลังไฟฟ้าสูงๆ ได้ดีขึ้น ทำให้เสียงมีพลังและไดนามิกดีขึ้น

ข้อดีอื่น ๆ:

   – ช่วยให้แอมป์ทำงานได้ดีในหลายประเทศที่มีระบบไฟฟ้าต่างกัน

   – ลดโอกาสการเกิดปัญหาจากไฟกระชาก

โดยสรุป PFC เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เพาเวอร์แอมป์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสถียร และให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น แม้ในสภาพแวดล้อมที่ระบบไฟฟ้าอาจไม่เสถียรครับ

พร้อมใช้งานกับระบบ 70 V / 100 V

ในตัวอย่างระบบอิมพีแดนซ์สูงนี้ DP-2200F สามารถขับลำโพง i8T ได้สูงสุด 100 ตัว การกำหนดค่านี้ยังสามารถขับลำโพง i8T น้อยกว่า 100 ตัวได้ด้วย ตั้งแต่ 2 ถึง 100 ตัว!

เมื่อสลับไปที่โหมด 100 V รุ่น DP-N (F) จะมีการตั้งค่า Peak Limiter และ RMS Limiter โดยอัตโนมัติ เพียงแค่ตั้งค่า HPF ในส่วน EQ เท่านั้น

สำคัญ: ก่อนเชื่อมต่อโหลดกับแอมป์ ให้วัดอิมพีแดนซ์ของสายด้วยเครื่องวัดอิมพีแดนซ์ (เครื่องราคาไม่แพงก็เพียงพอ) หากอิมพีแดนซ์โหลดต่ำเกินไป แอมป์จะรับโหลดมากเกินไปและอาจร้อนเกินหรือเกิดการบิดเบือน เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าคุณสามารถเชื่อมต่อลำโพงจำนวนไม่จำกัดกับสาย 100 V หรือ 70 V หากอิมพีแดนซ์โหลดวัดได้ต่ำกว่าอิมพีแดนซ์การทำงานขั้นต่ำของแอมป์ ให้ปรับแทปกำลังของลำโพงทั้งหมดไปที่ระดับต่ำลงถัดไป ซึ่งจะเพิ่มอิมพีแดนซ์โหลด แล้ววัดอีกครั้ง

พรีเซ็ตรวมอยู่ในที่เดียว

พรีเซ็ต DSP สามารถทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบ

เพื่อความง่าย เราได้สร้างไฟล์ดาวน์โหลดเดียวซึ่งมีพรีเซ็ตปัจจุบันทั้งหมดสำหรับลำโพงหลายรุ่นของเรา เพื่อใช้กับแอมป์ DP-F และ DP-N series เมื่อเราเพิ่มพรีเซ็ตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ไฟล์ ‘Wharfedale Pro Preset Library.zip’ จะขยายและมีคอลเลกชันพรีเซ็ตระบบที่สมบูรณ์

นอกจากนี้ยังมีไฟล์ README ที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละพรีเซ็ต

รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-2200F Power Amplifier

– เพาเวอร์แอมป์ 2 Channel
– Class D
– กำลังขับ 2 x 4760 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 2 x 3400 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 2 x 2000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
กำลังขับ 1 x 9520 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
กำลังขับ 1 x 6800 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 1 x 4000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
น้ำหนักสุทธิ 9.3 กิโลกรัม

รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-4100F Power Amplifier

– เพาเวอร์แอมป์ 4 Channel
– Class D
– กำลังขับ 4 x 2890 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 1700 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 1000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
กำลังขับ 2 x 5780 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
กำลังขับ 2 x 3400 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 2000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
น้ำหนักสุทธิ 9.1 กิโลกรัม

รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-4035F Power Amplifier

– เพาเวอร์แอมป์ 4 Channel
– Class D
– กำลังขับ 4 x 1010 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 595 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 350 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
กำลังขับ 2 x 2020 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
กำลังขับ 2 x 1190 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 700 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
น้ำหนักสุทธิ 8.0 กิโลกรัม

การอัพเกรดครั้งใหญ่ของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series ไม่เพียงแต่เป็นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของวงการเครื่องเสียงมืออาชีพทั้งหมด ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล่าสุดและการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก DP-F Series จึงพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของนักเสียงมืออาชีพในทุกสถานการณ์

ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่ได้รับการอัปเดต พร้อมกับฟังก์ชัน DSP ภายในที่เพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงได้อย่างละเอียดและตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการคอนเสิร์ตขนาดใหญ่หรือการติดตั้งระบบเสียงในสถานที่ที่มีความท้าทาย DP-F Series ก็พร้อมที่จะรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเพิ่มจอแสดงผลสี IPS แบบใหม่ไม่เพียงแต่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดในการตั้งค่า ทำให้การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยหรือต้องทำงานอย่างรวดเร็วเป็นไปได้อย่างราบรื่น ขณะที่ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้และอินพุต AES/EBU ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือและคุณภาพของสัญญาณเสียงให้สูงขึ้นไปอีกขั้น

นอกจากนี้ การเพิ่มพอร์ต Ethernet สองช่องพร้อมซอฟต์แวร์ควบคุมที่ทรงพลัง ยังเปิดมิติใหม่ในการจัดการระบบเสียงขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ควบคุมสามารถปรับแต่งและตรวจสอบการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้จากระยะไกล เพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก

Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier ในเวอร์ชันอัพเกรดนี้ จึงไม่ใช่แค่เพาเวอร์แอมป์ธรรมดา แต่เป็นศูนย์กลางของระบบเสียงที่ทรงพลังและยืดหยุ่น พร้อมที่จะรองรับความต้องการที่หลากหลายของนักเสียงมืออาชีพในยุคปัจจุบันและอนาคต ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการระบบเสียงสำหรับคอนเสิร์ต เจ้าของสตูดิโอบันทึกเสียง หรือผู้ติดตั้งระบบเสียงสำหรับสถานที่ขนาดใหญ่ DP-F Series ก็พร้อมที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ฟังของคุณ

ด้วยการอัพเกรดครั้งนี้ Wharfedale Pro ได้ตอกย้ำตำแหน่งของตนเองในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องเสียงมืออาชีพ และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของวงการเสียงในอนาคต

ช้อปสินค้า : https://shopee.co.th/soundrepublic

Share this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *