เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier
นวัตกรรมไม่เคยหยุดนิ่งในวงการเครื่องเสียงระดับมืออาชีพ และ Wharfedale Pro ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เพาเวอร์แอมป์ในซีรีส์ DP-F ได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของนักเสียงมืออาชีพไปอย่างสิ้นเชิง
การอัพเกรดครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการปรับปรุงเล็กน้อย แต่เป็นการยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถของเพาเวอร์แอมป์ DP-F Series ในทุกด้าน ตั้งแต่การปรับปรุงซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ไปจนถึงการเพิ่มฟังก์ชัน DSP ภายในที่ทันสมัย ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงได้ละเอียดและตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น
ไม่เพียงแต่การอัพเกรดภายใน Wharfedale Pro ยังให้ความสำคัญกับการใช้งานและความสะดวกสบายของผู้ใช้ ด้วยการติดตั้งจอแสดงผลสี IPS แบบใหม่ที่ให้ภาพคมชัดและมุมมองที่กว้างขึ้น ทำให้การตั้งค่าและตรวจสอบสถานะของเครื่องทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การเพิ่มขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมการแสดงสดที่มีการสั่นสะเทือนสูง และการเพิ่มอินพุต AES/EBU ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิทัลระดับมืออาชีพได้โดยตรง รับประกันคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดตลอดทั้งระบบ
การอัพเกรดครั้งนี้ของ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้ใช้งานจริง ทำให้เพาเวอร์แอมป์รุ่นนี้พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของนักเสียงมืออาชีพในยุคปัจจุบันและอนาคต
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier
คุณสมบัติใหม่ที่อัพเดต:
• ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่อัปเดต
• เพิ่มฟังก์ชัน DSP ภายใน
• จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่
• ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้
• อินพุต AES / EBU
FIR filter
FIR filter หรือ Finite Impulse Response filter ในลำโพงเป็นเทคโนโลยีการประมวลผลสัญญาณดิจิทัลที่กำลังปฏิวัติวงการเครื่องเสียงไฮเอนด์ ระบบนี้ทำหน้าที่เสมือนสมองอัจฉริยะที่คอยควบคุมและปรับแต่งเสียงของลำโพงให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ในโลกของเสียงดิจิทัล FIR filter ทำงานโดยการประมวลผลสัญญาณเสียงก่อนที่จะส่งไปยังวงจรขยายเสียงและดอกลำโพง ด้วยอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน FIR filter สามารถปรับแต่งการตอบสนองความถี่และเฟสของเสียงได้อย่างแม่นยำ ละเอียดอ่อน และมีประสิทธิภาพมากกว่าวงจรแบบแอนะล็อกแบบเดิม
ประโยชน์ของ FIR filter ในลำโพงนั้นมีมากมาย เริ่มจากการปรับปรุงการตอบสนองความถี่ให้เรียบและสม่ำเสมอ ทำให้เสียงที่ออกมามีความสมดุลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถแก้ไขปัญหาเฟสที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างดอกลำโพงต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในลำโพงหลายทาง ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพเสียงที่กว้างและลึกขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนนักดนตรีกำลังเล่นสดอยู่ตรงหน้า
FIR filter ยังช่วยชดเชยข้อจำกัดทางกายภาพของตู้ลำโพงและดอกลำโพง ทำให้ผู้ผลิตสามารถสร้างลำโพงที่มีขนาดกะทัดรัดแต่ให้เสียงที่เต็มอิ่มและทรงพลังได้ ในลำโพงระดับไฮเอนด์ FIR filter ถูกใช้เพื่อปรับแต่งการครอสโอเวอร์ระหว่างดอกลำโพงแต่ละตัวให้ราบรื่นและกลมกลืนมากขึ้น รวมถึงแก้ไขการตอบสนองที่ไม่สม่ำเสมอของดอกลำโพง ทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงที่ชัดเจนขึ้นในทุกย่านความถี่
หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของ FIR filter คือความสามารถในการอัพเดทและปรับปรุงผ่านซอฟต์แวร์ ทำให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพเสียงของลำโพงได้อย่างต่อเนื่อง แม้หลังจากที่ผู้ใช้ซื้อไปแล้ว นี่เป็นการเปิดมิติใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องเสียง
อย่างไรก็ตาม การใช้ FIR filter ในลำโพงก็มีข้อควรพิจารณาบางประการ เนื่องจากต้องการกำลังประมวลผลสูง จึงอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และอาจมีความหน่วงเวลาเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วผลกระทบนี้แทบไม่สังเกตได้ในการฟังปกติ
โดยสรุป FIR filter ในลำโพงเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการเครื่องเสียงไฮเอนด์ ด้วยความสามารถในการปรับแต่งเสียงที่ละเอียดและแม่นยำ ทำให้ผู้ฟังได้สัมผัสกับประสบการณ์เสียงที่ใกล้เคียงกับความตั้งใจของศิลปินมากที่สุด ในอนาคต เราอาจเห็นการใช้ FIR filter แพร่หลายมากขึ้นในลำโพงทุกระดับ นำมาซึ่งคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นสำหรับผู้ฟังทุกคน
มาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูง
อินพุต AES/EBU เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงรายละเอียดให้ดังนี้:
1. ความหมาย:
– AES ย่อมาจาก Audio Engineering Society
– EBU ย่อมาจาก European Broadcasting Union
– เป็นมาตรฐานที่พัฒนาร่วมกันโดยสององค์กรนี้
2. ลักษณะสำคัญ:
– เป็นการส่งสัญญาณเสียงแบบดิจิทัล
– ใช้สายแบบบาลานซ์ (balanced) 3 ขา คล้ายกับ XLR
– รองรับความละเอียดเสียงสูงถึง 24 บิต และอัตราการสุ่มสัญญาณ (sampling rate) สูงถึง 192 kHz
3. ข้อดี:
– คุณภาพเสียงสูง: ลดการสูญเสียคุณภาพเสียงในการส่งสัญญาณ
– ต้านทานสัญญาณรบกวน: ทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดี
– ส่งสัญญาณได้ระยะไกล: สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 100 เมตรโดยไม่เสียคุณภาพ
– รองรับการส่งข้อมูลพิเศษ: เช่น ข้อมูลลิขสิทธิ์ หรือข้อมูลควบคุมอื่นๆ
4. การใช้งานในเพาเวอร์แอมป์:
– รับสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงโดยตรง ไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ
– เหมาะสำหรับระบบเสียงมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด
– ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ เช่น มิกเซอร์ดิจิทัล หรือเครื่องเล่นสื่อดิจิทัลคุณภาพสูง
5. ความเข้ากันได้:
– สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสียงมืออาชีพอื่น ๆ ที่ใช้มาตรฐาน AES/EBU
– เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการบันทึกเสียงและการแพร่ภาพกระจายเสียง
6. ความแตกต่างจาก S/PDIF:
– AES/EBU มักใช้ในอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ ในขณะที่ S/PDIF มักพบในอุปกรณ์ผู้บริโภคทั่วไป
– AES/EBU ใช้แรงดันไฟฟ้าสูงกว่า ทำให้ส่งสัญญาณได้ไกลกว่า และทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า
7. ประโยชน์ในระบบเสียง:
– รักษาคุณภาพเสียงตลอดทั้งระบบ โดยเฉพาะในระบบขนาดใหญ่ หรือ ซับซ้อน
– ลดโอกาสการเกิดสัญญาณรบกวนหรือการสูญเสียคุณภาพเสียงในระหว่างการส่งสัญญาณ
โดยสรุป อินพุต AES/EBU ในเพาเวอร์แอมป์ช่วยให้สามารถรับสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงได้โดยตรง เหมาะสำหรับระบบเสียงมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและความน่าเชื่อถือสูงครับ
ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้
1. ความมั่นคงในการเชื่อมต่อ:
– ล็อคแน่นหนา ไม่หลุดง่าย แม้ในสภาพการใช้งานที่มีการสั่นสะเทือน
– ลดโอกาสการหลุดของสายระหว่างการแสดงสดหรือการบันทึกเสียง
2. คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น:
– การเชื่อมต่อที่แน่นหนาช่วยรักษาคุณภาพของสัญญาณเสียง
– ลดโอกาสเกิดเสียงรบกวนจากการเชื่อมต่อที่ไม่สมบูรณ์
3. ความปลอดภัย:
– ป้องกันการถอดสายโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังกะทันหันหรือความเสียหายต่ออุปกรณ์
– เหมาะสำหรับการติดตั้งในที่สาธารณะหรือพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน
4. ความทนทาน:
– ออกแบบมาให้ทนต่อการใช้งานหนัก เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
– อายุการใช้งานยาวนานกว่าขั้วต่อแบบธรรมดา
5. ความสะดวกในการใช้งาน:
– ง่ายต่อการเสียบและถอด แต่ยังคงความแน่นหนา
– มักมีกลไกล็อคที่ใช้งานง่าย สามารถล็อคและปลดล็อคได้รวดเร็ว
6. การป้องกันการสลับขั้ว:
– ขั้วต่อ XLR มีการออกแบบที่ป้องกันการเสียบผิดขั้ว ช่วยป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์
7. เหมาะสำหรับการติดตั้งถาวร:
– ในการติดตั้งระบบเสียงแบบถาวร ขั้วต่อแบบล็อคช่วยให้มั่นใจว่าการเชื่อมต่อจะคงอยู่ในสภาพที่ดีเป็นเวลานาน
8. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว:
– ความทนทานและความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้นช่วยลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยๆ
9. มาตรฐานอุตสาหกรรม:
– ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้เป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมเสียงมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ง่าย
โดยสรุป ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ คุณภาพเสียง และความปลอดภัยในการใช้งานเพาเวอร์แอมป์ เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในสตูดิโอ การแสดงสด และการติดตั้งระบบเสียงแบบถาวรครับ
จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่
1. ความหมายของ IPS:
IPS ย่อมาจาก In-Plane Switching เป็นเทคโนโลยีการผลิตจอแสดงผล LCD ประเภทหนึ่ง
2. คุณสมบัติหลักของจอ IPS:
– มุมมองกว้าง: สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากมุมที่กว้างขึ้น
– สีสันสดใส: ให้สีที่สมจริงและสดใสกว่าจอ LCD แบบเดิม
– ความคมชัดสูง: แสดงรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
3. ข้อดีในการใช้งานกับเพาเวอร์แอมป์:
– อ่านค่าได้ง่ายขึ้น: สามารถดูข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอได้ชัดเจน แม้ในสภาพแสงที่ไม่เอื้ออำนวย
– ใช้งานสะดวก: มองเห็นได้ชัดเจนจากหลายมุม ทำให้ปรับแต่งค่าต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
– แสดงข้อมูลได้มากขึ้น: ด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น สามารถแสดงข้อมูลได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม
– ประหยัดพลังงาน: จอ IPS มักใช้พลังงานน้อยกว่าจอแบบเก่า
– อายุการใช้งานยาวนาน: มีความทนทานสูง เหมาะกับการใช้งานหนัก
4. การแสดงผลที่ดีขึ้น:
– แสดงกราฟและข้อมูลทางเทคนิคได้ละเอียดขึ้น เช่น กราฟ EQ, ระดับเสียง
– แสดงสีของสัญญาณหรือสถานะต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ช่วยในการมอนิเตอร์ระบบ
5. ความสะดวกในการใช้งาน:
– อินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่ดีขึ้น: สามารถออกแบบหน้าจอควบคุมให้ใช้งานง่ายและสวยงามยิ่งขึ้น
– ตอบสนองรวดเร็ว: จอ IPS มักมีเวลาตอบสนองที่เร็ว ทำให้การควบคุมทำได้อย่างราบรื่น
6. เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงาน:
– ทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดี เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
– มองเห็นได้ชัดแม้ในที่มืด ซึ่งเป็นประโยชน์มากในการแสดงดนตรีสดหรือในสตูดิโอ
โดยสรุป จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความสะดวก ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการควบคุมและมอนิเตอร์เพาเวอร์แอมป์ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้นครับ
Ethernet x 2
เพาเวอร์แอมป์นี้มีช่องเชื่อมต่อ Ethernet จำนวน 2 ช่องอยู่ที่ด้านหน้าของเครื่อง ซึ่งใช้สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ผ่านระบบเครือข่าย ด้วยการเชื่อมต่อนี้ ผู้ใช้สามารถควบคุม และตรวจสอบการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้จากระยะไกล
นอกจากนี้ ทางผู้ผลิตได้จัดเตรียมซอฟต์แวร์ควบคุมมาให้พร้อมกับอุปกรณ์ ซึ่งซอฟต์แวร์นี้มีความสามารถครอบคลุมทุกการใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถ:
1. ปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของเพาเวอร์แอมป์ได้ทั้งหมด เช่น การตั้งค่าอีควอไลเซอร์, ครอสโอเวอร์, ระดับเสียง และอื่น ๆ
2. ตรวจสอบสถานะการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้แบบเรียลไทม์ เช่น อุณหภูมิ, ระดับสัญญาณเข้า-ออก, สถานการณ์ป้องกันต่าง ๆ
ทั้งหมดนี้สามารถทำได้จากระยะไกลผ่านการเชื่อมต่อ Ethernet โดยไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่องโดยตรง ซึ่งเพิ่มความสะดวก และประสิทธิภาพในการควบคุมระบบเสียงขนาดใหญ่ หรือ ในสถานที่ที่เข้าถึงอุปกรณ์ได้ยาก
คุณสมบัตินี้ทำให้เพาเวอร์แอมป์รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบเสียงระดับมืออาชีพ เช่น ในคอนเสิร์ตฮอลล์ สนามกีฬา หรือสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ ที่ต้องการการควบคุม และตรวจสอบระบบเสียงอย่างละเอียด และรวดเร็ว
การเชื่อมต่อแบบ Speakon
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier ด้านหลังเครื่องมีช่องต่อแบบ speakon ที่รองรับการต่อกับสายลำโพงแบบ speakon ซึ่งช่องต่อแบบ speakon เป็นช่องต่อสำหรับเชื่อมต่อสายลำโพงเข้ากับอุปกรณ์เครื่องเสียง เช่น เพาเวอร์แอมป์ ลำโพง หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้สัญญาณเสียงแบบสองขั้ว ช่องต่อแบบ speakon มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว ปลายทั้งสองด้านมีขั้วต่อแบบกลม
ช่องต่อแบบ speakon มีด้วยกันสองประเภทหลัก ๆ คือ
ช่องต่อ speakon 4 ขา เป็นประเภทที่พบเห็นทั่วไป ประกอบด้วยขั้วต่อสองขั้วสำหรับสัญญาณเสียง และอีกสองขั้วสำหรับการป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน
ช่องต่อ speakon 2 ขา เป็นประเภทที่พบเห็นน้อยกว่า ประกอบด้วยขั้วต่อเพียงสองขั้วสำหรับสัญญาณเสียงเท่านั้น
ช่องต่อแบบ speakon มีข้อดีหลายประการ ดังนี้
สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้สูง ช่องต่อแบบ speakon สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้สูงถึง 16 แอมป์ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกับลำโพงที่มีกำลังขับสูง
มีความแข็งแรงทนทาน ช่องต่อแบบ speakon ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทำให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการเสียดสี หรือ แรงกระแทก
ป้องกันการหลุดออกจากกัน ช่องต่อแบบ speakon มีกลไกป้องกันการหลุดออกจากกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าสายลำโพงจะไม่หลุดออกจากกันขณะใช้งาน
ช่องต่อแบบ speakon นิยมใช้ในงานระบบเสียงระดับมืออาชีพ เช่น งานแสดงสด งานคอนเสิร์ต งานกลางแจ้ง เป็นต้น
ปรับโหมดได้หลากหลาย
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP Series Amplifier ยังมีช่องรับสัญญาณแบบ XLR balanced ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบเสียงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสวิตช์ DIP ที่อยู่ด้านหลังเพื่อตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดสเตอริโอ โหมดโมโน โหมดบริจด์ และความไวของอินพุต 0.775 Vrms (35 dB) or 32 dB
ระบบป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier มี 5ระบบในการป้องกันอิเล็กทรอนิกส์
1. Power under-voltage protection (การป้องกันแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป)
– ระบบนี้ช่วยป้องกันแอมป์เมื่อแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้แอมป์ต่ำเกินไป
– หากแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป อาจทำให้แอมป์ทำงานผิดปกติหรือเสียหายได้
– ระบบจะตัดการทำงานของแอมป์เมื่อตรวจพบแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินกำหนด
2. Amplifier output DC protection (การป้องกันไฟฟ้ากระแสตรงที่เอาต์พุต)
– ป้องกันไม่ให้มีไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ออกจากแอมป์ไปยังลำโพง
– ไฟ DC ที่ออกไปอาจทำให้ลำโพงเสียหายได้
– ระบบจะตัดสัญญาณเอาต์พุตทันทีที่ตรวจพบ DC
3. Thermal Protection (การป้องกันความร้อน)
– ป้องกันแอมป์จากความเสียหายเนื่องจากความร้อนสูงเกินไป
– เมื่ออุณหภูมิสูงเกินค่าที่กำหนด ระบบจะปิดแอมป์หรือลดกำลังขับลง
– ช่วยยืดอายุการใช้งานของแอมป์
4. Temperature Power Control (การควบคุมกำลังตามอุณหภูมิ)
– ระบบนี้จะปรับลดกำลังขับของแอมป์เมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น
– ช่วยให้แอมป์ยังคงทำงานต่อไปได้ แม้ในสภาวะที่ร้อน โดยไม่ต้องปิดระบบทั้งหมด
– ทำงานก่อนที่ระบบ Thermal Protection จะทำงาน
5. Overload Power Control (การควบคุมกำลังเมื่อโหลดเกิน)
– ควบคุมกำลังขับเมื่อตรวจพบว่ามีการใช้งานเกินกำลังของแอมป์
– ช่วยป้องกันความเสียหายจากการใช้งานหนักเกินไป
– อาจลดกำลังขับลงชั่วคราวเพื่อป้องกันแอมป์และลำโพง
ระบบป้องกันเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าเพาเวอร์แอมป์จะทำงานได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะการใช้งานที่หนัก หรือ ไม่เหมาะสมช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งแอมป์ และลำโพงครับ
ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่อัปเดต
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier ใช้ประโยชน์จากพลังของ DSP ภายในซอฟต์แวร์แก้ไขที่ให้มาช่วยให้มองเห็นภาพรวมที่ใช้งานได้จริงของพารามิเตอร์ระบบทั้งหมด และคุณสมบัติ DSP ภายในแอมป์ DP-F สามารถตรวจสอบและแก้ไข DP-F จากระยะไกลได้อย่างง่ายดาย
PFC เทคโนโลยีสำคัญในเพาเวอร์แอมป์
PFC หรือ Power Factor Correction เป็นเทคโนโลยีสำคัญในเพาเวอร์แอมป์สมัยใหม่ครับ หรือ การแก้ไขค่าตัวประกอบกำลังไฟฟ้า
หน้าที่หลัก:
– ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า
– ลดการสูญเสียพลังงานในระบบไฟฟ้า
วิธีการทำงาน:
– ปรับแต่งรูปคลื่นกระแสไฟฟ้าให้สอดคล้องกับแรงดันไฟฟ้ามากที่สุด
– ลดความแตกต่างระหว่างกำลังไฟฟ้าจริงที่ใช้กับกำลังไฟฟ้าปรากฏ
ประโยชน์ในเพาเวอร์แอมป์:
– เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: ใช้พลังงานน้อยลงแต่ได้กำลังขับเท่าเดิม
– ลดความร้อน: ช่วยให้แอมป์ทำงานเย็นลง ยืดอายุการใช้งาน
– เสถียรภาพดีขึ้น: ทำให้แอมป์ทำงานได้คงที่แม้แรงดันไฟฟ้าจะไม่คงที่
– ลดการรบกวนในระบบไฟฟ้า: ลดผลกระทบต่ออุปกรณ์อื่นในวงจรไฟฟ้าเดียวกัน
ผลต่อคุณภาพเสียง:
– ให้เสียงที่สะอาดและชัดเจนขึ้น เนื่องจากลดการรบกวนทางไฟฟ้า
– ตอบสนองต่อความต้องการกำลังไฟฟ้าสูงๆ ได้ดีขึ้น ทำให้เสียงมีพลังและไดนามิกดีขึ้น
ข้อดีอื่น ๆ:
– ช่วยให้แอมป์ทำงานได้ดีในหลายประเทศที่มีระบบไฟฟ้าต่างกัน
– ลดโอกาสการเกิดปัญหาจากไฟกระชาก
โดยสรุป PFC เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เพาเวอร์แอมป์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสถียร และให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น แม้ในสภาพแวดล้อมที่ระบบไฟฟ้าอาจไม่เสถียรครับ
พร้อมใช้งานกับระบบ 70 V / 100 V
ในตัวอย่างระบบอิมพีแดนซ์สูงนี้ DP-2200F สามารถขับลำโพง i8T ได้สูงสุด 100 ตัว การกำหนดค่านี้ยังสามารถขับลำโพง i8T น้อยกว่า 100 ตัวได้ด้วย ตั้งแต่ 2 ถึง 100 ตัว!
เมื่อสลับไปที่โหมด 100 V รุ่น DP-N (F) จะมีการตั้งค่า Peak Limiter และ RMS Limiter โดยอัตโนมัติ เพียงแค่ตั้งค่า HPF ในส่วน EQ เท่านั้น
สำคัญ: ก่อนเชื่อมต่อโหลดกับแอมป์ ให้วัดอิมพีแดนซ์ของสายด้วยเครื่องวัดอิมพีแดนซ์ (เครื่องราคาไม่แพงก็เพียงพอ) หากอิมพีแดนซ์โหลดต่ำเกินไป แอมป์จะรับโหลดมากเกินไปและอาจร้อนเกินหรือเกิดการบิดเบือน เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าคุณสามารถเชื่อมต่อลำโพงจำนวนไม่จำกัดกับสาย 100 V หรือ 70 V หากอิมพีแดนซ์โหลดวัดได้ต่ำกว่าอิมพีแดนซ์การทำงานขั้นต่ำของแอมป์ ให้ปรับแทปกำลังของลำโพงทั้งหมดไปที่ระดับต่ำลงถัดไป ซึ่งจะเพิ่มอิมพีแดนซ์โหลด แล้ววัดอีกครั้ง
พรีเซ็ตรวมอยู่ในที่เดียว
พรีเซ็ต DSP สามารถทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบ
เพื่อความง่าย เราได้สร้างไฟล์ดาวน์โหลดเดียวซึ่งมีพรีเซ็ตปัจจุบันทั้งหมดสำหรับลำโพงหลายรุ่นของเรา เพื่อใช้กับแอมป์ DP-F และ DP-N series เมื่อเราเพิ่มพรีเซ็ตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ไฟล์ ‘Wharfedale Pro Preset Library.zip’ จะขยายและมีคอลเลกชันพรีเซ็ตระบบที่สมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีไฟล์ README ที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละพรีเซ็ต
รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-2200F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 2 Channel
– Class D
– กำลังขับ 2 x 4760 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 2 x 3400 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 2 x 2000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
– กำลังขับ 1 x 9520 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 1 x 6800 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 1 x 4000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
– ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
– Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
– ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
– น้ำหนักสุทธิ 9.3 กิโลกรัม
รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-4100F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 4 Channel
– Class D
– กำลังขับ 4 x 2890 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 1700 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 1000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
– กำลังขับ 2 x 5780 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 3400 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 2000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
– ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
– Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
– ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
– น้ำหนักสุทธิ 9.1 กิโลกรัม
รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-4035F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 4 Channel
– Class D
– กำลังขับ 4 x 1010 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 595 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 350 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
– กำลังขับ 2 x 2020 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 1190 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 700 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
– ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
– Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
– ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
– น้ำหนักสุทธิ 8.0 กิโลกรัม
การอัพเกรดครั้งใหญ่ของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series ไม่เพียงแต่เป็นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของวงการเครื่องเสียงมืออาชีพทั้งหมด ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล่าสุดและการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก DP-F Series จึงพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของนักเสียงมืออาชีพในทุกสถานการณ์
ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่ได้รับการอัปเดต พร้อมกับฟังก์ชัน DSP ภายในที่เพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงได้อย่างละเอียดและตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการคอนเสิร์ตขนาดใหญ่หรือการติดตั้งระบบเสียงในสถานที่ที่มีความท้าทาย DP-F Series ก็พร้อมที่จะรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเพิ่มจอแสดงผลสี IPS แบบใหม่ไม่เพียงแต่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดในการตั้งค่า ทำให้การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยหรือต้องทำงานอย่างรวดเร็วเป็นไปได้อย่างราบรื่น ขณะที่ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้และอินพุต AES/EBU ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือและคุณภาพของสัญญาณเสียงให้สูงขึ้นไปอีกขั้น
นอกจากนี้ การเพิ่มพอร์ต Ethernet สองช่องพร้อมซอฟต์แวร์ควบคุมที่ทรงพลัง ยังเปิดมิติใหม่ในการจัดการระบบเสียงขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ควบคุมสามารถปรับแต่งและตรวจสอบการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้จากระยะไกล เพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก
Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier ในเวอร์ชันอัพเกรดนี้ จึงไม่ใช่แค่เพาเวอร์แอมป์ธรรมดา แต่เป็นศูนย์กลางของระบบเสียงที่ทรงพลังและยืดหยุ่น พร้อมที่จะรองรับความต้องการที่หลากหลายของนักเสียงมืออาชีพในยุคปัจจุบันและอนาคต ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการระบบเสียงสำหรับคอนเสิร์ต เจ้าของสตูดิโอบันทึกเสียง หรือผู้ติดตั้งระบบเสียงสำหรับสถานที่ขนาดใหญ่ DP-F Series ก็พร้อมที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ฟังของคุณ
ด้วยการอัพเกรดครั้งนี้ Wharfedale Pro ได้ตอกย้ำตำแหน่งของตนเองในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องเสียงมืออาชีพ และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของวงการเสียงในอนาคต
ช้อปสินค้า : https://shopee.co.th/soundrepublic
ใส่ความเห็น