ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Flexus Core100 เลือกใช้ซับวูฟเฟอร์แบบไหนดี
เมื่อคุณได้เป็นเจ้าของซาวด์บาร์ Klipsch Flexus Core100 ซึ่งเป็นซาวด์บาร์ระดับพรีเมียมที่มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อซับวูฟเฟอร์ได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย คำถามที่หลายคนสงสัยคือควรเลือกใช้แบบไหนดี?
วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับข้อดีข้อเสียของซับวูฟเฟอร์ทั้งสองแบบ ที่แต่ละแบบมาพร้อมการออกแบบตู้ที่แตกต่างกัน โดยแบบมีสายจะเป็นตู้เปิด (Bass Reflex) ที่ให้เสียงเบสกระหึ่ม ในขณะที่แบบไร้สายจะเป็นตู้ปิด (Sealed) ที่ให้เสียงเบสกระชับ เพื่อให้คุณสามารถเลือกได้ตรงกับความต้องการในการใช้งานและสไตล์การฟังที่ชื่นชอบ…
ลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Flexus Core100 เลือกใช้ซับวูฟเฟอร์แบบไหนดีระหว่างมีสายและไร้สาย
หลายคนที่เพิ่งได้ซาวด์บาร์ Klipsch Flexus Core100 มา อาจกำลังลังเลว่าควรเลือกเชื่อมต่อซับวูฟเฟอร์แบบมีสายหรือไร้สาย เพราะซาวด์บาร์รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อทั้งสองแบบ วันนี้เราจะมาช่วยคุณตัดสินใจว่าควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน
การเชื่อมต่อแบบมีสายใน Klipsch Flexus Core100 มีช่อง Sub Out มาให้แต่ลูกค้าต้องดำเนินการซื้อสาย Subwoofer Cable โดยการใช้ซับวูฟเฟอร์แบบมีสายเชื่อมต่อนั้นจะทำให้การส่งผ่านสัญญาณที่เสถียร และแม่นยำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพเสียงเบสที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในการดูหนังที่มีฉากแอคชั่น หรือ ฟังเพลงที่มีจังหวะหนัก ๆ เพราะเสียงเบสจะตอบสนองได้ฉับไว
ส่วนการเชื่อมต่อแบบไร้สายของ Klipsch ใช้เทคโนโลยี Klipsch Transport ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี ให้การเชื่อมต่อที่เสถียร ไม่มีอาการหน่วง หรือ ดีเลย์ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกในการจัดวาง หรือ มีข้อจำกัดในการเดินสาย โดยเฉพาะในห้องที่ไม่สามารถซ่อนสายได้ หรือ ต้องการวางซับวูฟเฟอร์ในตำแหน่งที่ห่างจากซาวด์บาร์
ใครที่เพิ่งได้ซาวด์บาร์ Klipsch Flexus Core100 มา อาจกำลังเลือกระหว่างซับวูฟเฟอร์แบบมีสายที่เป็นตู้เปิด กับแบบไร้สายที่เป็นตู้ปิด เรามาดูกันว่าแต่ละแบบมีจุดเด่นอย่างไร
ซับวูฟเฟอร์แบบมีสาย (ตู้เปิด):
• ให้เสียงเบสที่ดังกระหึ่มกว่า ด้วยการออกแบบตู้แบบ Bass Reflex
• สัญญาณเสถียร ตอบสนองฉับไว ไม่มีดีเลย์
• เหมาะกับการดูหนังแอคชั่น หรือ ฟังเพลง EDM ที่ต้องการเบสกระแทก
• ต้องการพื้นที่วางมากกว่า และต้องจัดการเรื่องการเดินสาย
ซับวูฟเฟอร์แบบไร้สาย (ตู้ปิด):
• ให้เสียงเบสที่กระชับ แม่นยำ ด้วยการออกแบบตู้แบบ Sealed
• ติดตั้งง่าย ย้ายตำแหน่งได้สะดวก
• เหมาะกับการฟังเพลงที่ต้องการความละเอียดของเสียง
• ขนาดกะทัดรัดกว่า วางได้หลากหลายตำแหน่ง
ทั้งนี้ ทั้งสองแบบต่างก็ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีจาก Klipsch ให้เข้ากับการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกจึงขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน และความชอบส่วนตัวเป็นหลักเพื่อให้ได้ประสบการณ์การฟังที่ตรงใจที่สุด ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน Klipsch Flexus Core100 ก็พร้อมมอบประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยม ด้วยคุณภาพการผลิตระดับพรีเมียมที่ Klipsch ใส่ใจในทุกรายละเอียด
ซับวูฟเฟอร์แบบมีสาย และไร้สายแตกต่างกันอย่างไร
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมซับวูฟเฟอร์บางตัวต้องต่อสาย แต่บางตัวไม่ต้อง? วันนี้เรามาทำความรู้จักกับความแตกต่างของซับวูฟเฟอร์ทั้งสองแบบกัน
ซับวูฟเฟอร์แบบมีสายนั้น จะใช้สายสัญญาณในการเชื่อมต่อโดยตรงกับซาวด์บาร์ หรือ แอมป์ ข้อดีคือให้การส่งผ่านสัญญาณที่เสถียร และรวดเร็ว ไม่มีการหน่วงของเสียง ทำให้เสียงเบสตอบสนองได้ฉับไวและแม่นยำ เหมาะสำหรับการดูหนังแอคชั่นหรือฟังเพลงที่ต้องการความกระหึ่มของเสียงเบส แต่ก็มีข้อจำกัดคือต้องคำนึงถึงการเดินสายให้เรียบร้อย และอาจจำกัดตำแหน่งการวางซับวูฟเฟอร์ให้ต้องอยู่ไม่ไกลจากซาวด์บาร์มากนัก
ส่วนซับวูฟเฟอร์แบบไร้สายนั้น ใช้เทคโนโลยีการส่งสัญญาณไร้สายในการเชื่อมต่อ ให้ความสะดวกสบายในการติดตั้งและการจัดวางที่ยืดหยุ่นกว่า คุณสามารถวางซับวูฟเฟอร์ไว้ตรงไหนในห้องก็ได้ตราบใดที่ยังอยู่ในระยะการรับสัญญาณ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินสายให้ดูรกตา
ในซาวด์บาร์ระดับไฮเอนด์ปัจจุบัน มักจะรองรับการเชื่อมต่อทั้งสองแบบ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม บางคนอาจเลือกแบบมีสายเพื่อคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ในขณะที่บางคนอาจเลือกแบบไร้สายเพื่อความสะดวกในการติดตั้งและความสวยงามของการจัดวาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและข้อจำกัดของพื้นที่เป็นสำคัญ
แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้ลองฟังด้วยตัวเอง เพราะแต่ละคนอาจมีความชื่นชอบในลักษณะเสียงที่แตกต่างกัน และการจัดวางที่เหมาะสมก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้เสียงเบสที่ดีที่สุดสำหรับห้องของคุณ
ซับวูฟเฟอร์แบบตู้เปิด (Ported/Bass Reflex) VS ตู้ปิด (Sealed) แตกต่างกันอย่างไร
ถ้าคุณเคยสังเกตซับวูฟเฟอร์ตามร้านเครื่องเสียง คุณอาจจะเห็นว่ามีทั้งแบบที่มีรูหรือท่อที่ตู้ และแบบที่เป็นตู้ทึบไม่มีช่องเปิด นี่คือความแตกต่างระหว่างซับวูฟเฟอร์แบบตู้เปิด (Ported หรือ Bass Reflex) และแบบตู้ปิด (Sealed)
ซับวูฟเฟอร์แบบตู้เปิด จะมีช่องหรือท่อที่ออกแบบมาพิเศษ เพื่อให้อากาศภายในตู้เคลื่อนที่ออกมาช่วยเสริมพลังเสียงเบส ทำให้ได้เสียงที่ดังกระหึ่มกว่า และตอบสนองความถี่ต่ำได้ดีกว่า ด้วยการใช้กำลังขับที่น้อยกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลง EDM หรือดูหนังแอคชั่นที่ต้องการเบสกระแทกแรงๆ แต่ก็มีข้อเสียคือการควบคุมเสียงเบสอาจไม่แม่นยำเท่าตู้ปิด และอาจมีเสียงลมจากพอร์ตรบกวนได้หากเร่งเสียงดังมาก
ส่วนซับวูฟเฟอร์แบบตู้ปิด จะเป็นตู้ทึบที่ปิดสนิท ทำให้ควบคุมการเคลื่อนที่ของดอกลำโพงได้แม่นยำกว่า ส่งผลให้เสียงเบสที่ออกมามีความกระชับ ฟังดูตึงและสะอาดกว่า ไม่มีเสียงลมรบกวน เหมาะกับการฟังเพลงแจ๊ส คลาสสิก หรืออคูสติกที่ต้องการความแม่นยำของเสียง แต่ก็แลกมาด้วยการที่ต้องใช้กำลังขับสูงกว่า และอาจไม่ให้เสียงเบสที่ดังกระหึ่มเท่าตู้เปิด
การเลือกใช้แบบไหนนั้น ขึ้นอยู่กับรสนิยมการฟังและการใช้งานเป็นหลัก หากชอบฟังเพลงที่เน้นจังหวะหนักๆ ตู้เปิดอาจเหมาะกว่า แต่ถ้าชอบฟังดนตรีที่ต้องการความละเอียดของเสียง ตู้ปิดอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ทั้งนี้ควรได้ลองฟังทั้งสองแบบด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ เพราะแต่ละคนอาจชอบลักษณะเสียงที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ การเลือกใช้แบบไหนขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล และลักษณะการใช้งานเป็นหลัก บางคนอาจชอบเสียงเบสที่กระหึ่มของตู้เปิด ในขณะที่บางคนอาจชื่นชอบความกระชับของตู้ปิดมากกว่า
ซับวูฟเฟอร์แบบมีสายที่ใช้สำหรับลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Flexus Core100
**Klipsch Reference Series**
1.ลำโพงซับวูฟเฟอร์ Klipsch R-100SW Subwoofer
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์
– การตอบสนองความถี่ 32Hz – 120Hz +/- 3dB
– ความไว 112dB
– กำลังขับ 150 วัตต์ พีคสุดที่ 300 วัตต์
– All Digital
– ดอกวูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว วัสดุ spun-copper IMG woofer
– เทคโนโลยี Rear-Firing Port ระบายลม
2.ลำโพงซับวูฟเฟอร์ Klipsch R-120SW Subwoofer
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์
– การตอบสนองความถี่ 29Hz – 120Hz +/- 3dB
– ความไว 116dB
– กำลังขับ 200 วัตต์ พีคสุดที่ 400 วัตต์
– All Digital
– ดอกวูฟเฟอร์ขนาด 12 นิ้ว วัสดุ spun-copper IMG woofer
– เทคโนโลยี Rear-Firing Port ระบายลม
**Klipsch SPL Series**
1.ลำโพงซับวูฟเฟอร์ Klipsch SPL100 Subwoofer
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์
– การตอบสนองความถี่ 27Hz – 125Hz +/- 3dB
– ความไว 114dB
– กำลังขับ 200 วัตต์ พีคสุดที่ 450 วัตต์
– Class D
– ดอกวูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว วัสดุ Long Throw Cerametallic
– เทคโนโลยี Front-Firing Slot Port ระบายลม
– เชื่อมต่อ WA-2 เป็นซับวูฟเฟอร์ระบบ Wireless ได้
2.ลำโพงซับวูฟเฟอร์ Klipsch SPL120 Subwoofer
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์
– การตอบสนองความถี่ 24Hz – 125Hz +/- 3dB
– ความไว 118dB
– กำลังขับ 300 วัตต์ พีคสุดที่ 600 วัตต์
– Class D
– ดอกวูฟเฟอร์ขนาด 12 นิ้ว วัสดุ Long Throw Cerametallic
– เทคโนโลยี Front-Firing Slot Port ระบายลม
– เชื่อมต่อ WA-2 เป็นซับวูฟเฟอร์ระบบ Wireless ได้
Klipsch Reference Gen III
1. Klipsch R-101SW Subwoofer Speaker
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์
– การตอบสนองความถี่ 29.5Hz – 120Hz
– ค่าความไว 115dB
– อัตราต่อกำลังขับ 150/300W
– ไดรเวอร์วูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว
– วัสดุ spun-copper TCP woofer
– Bass-Reflex via rear-firing port
– ทำจากไม้ MDF
– ขนาด 14.6 x 14 x 19.7 นิ้ว
– น้ำหนักสุทธิ 13.9 กิโลกรัม
2. Klipsch R-121SW Subwoofer Speaker
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์
– การตอบสนองความถี่ 28Hz – 120Hz
– ค่าความไว 118dB
– อัตราต่อกำลังขับ 200/400W
– ไดรเวอร์วูฟเฟอร์ขนาด 12 นิ้ว
– วัสดุ spun-copper TCP woofer
– Bass-Reflex via rear-firing port
– ทำจากไม้ MDF
– ขนาด 16.6 x 16 x 19.7 นิ้ว
– น้ำหนักสุทธิ 16.0 กิโลกรัม
Klipsch Reference Premiere
1.ลำโพงซับวูฟเฟอร์ Klipsch RP-1000SW Subwoofer
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์
– การตอบสนองความถี่ 19Hz – 131Hz +/- 3dB
– ความไว 118.5dB
– กำลังขับ 300 วัตต์ พีคสุดที่ 600 วัตต์
– Class D
– ดอกวูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว วัสดุ Cerametallic
– เทคโนโลยี Aerofoil ระบายลม
– เชื่อมต่อ WA-2 เป็นซับวูฟเฟอร์ระบบ Wireless ได้
2.ลำโพงซับวูฟเฟอร์ Klipsch RP-1200SW Subwoofer
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์
– การตอบสนองความถี่ 16.5Hz – 138Hz +/- 3dB
– ความไว 121dB
– กำลังขับ 400 วัตต์ พีคสุดที่ 800 วัตต์
– Class D
– ดอกวูฟเฟอร์ขนาด 12 นิ้ว วัสดุ Cerametallic
– เทคโนโลยี Aerofoil ระบายลม
– เชื่อมต่อ WA-2 เป็นซับวูฟเฟอร์ระบบ Wireless ได้
ซับวูฟเฟอร์แบบไร้สายที่ใช้สำหรับลำโพงซาวด์บาร์ Klipsch Flexus Core100
1. ลำโพงซับวูฟเฟอร์ Klipsch Flexus Sub100 Subwoofer
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์ไร้สาย
– Class D
– Woofer ขนาด 10 นิ้ว
– ความดัง 103.7 dB
– การตอบสนองความถี่ 26Hz – 250Hz +/- 3dB
– กำลังขับพีคสูงสุด 160 วัตต์
– ซับวูฟเฟอร์ขนาด 33.5 (กว้าง) x 34.9 (ลึก) x 34 (สูง) เซนติเมตร
– น้ำหนักสุทธิ 9.4 กิโลกรัม
การเชื่อมต่อของลำโพงซับวูฟเฟอร์ Klipsch Flexus Sub100 Subwoofer
– RCA/LFE Line In
– Flexus Transport 2.4Ghz Wireless
การเลือกซับวูฟเฟอร์สำหรับ Klipsch Flexus Core100 จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเชื่อมต่อเท่านั้น แต่ยังเป็นการเลือกประสบการณ์การฟังที่แตกต่างกัน ระหว่างพลังเสียงเบสที่ดังกระหึ่มของตู้เปิดแบบมีสาย กับความกระชับแม่นยำของตู้ปิดแบบไร้สาย
หากคุณเป็นคนชอบดูหนังแอคชั่น หรือฟังเพลงที่เน้นจังหวะหนักๆ การเลือกซับวูฟเฟอร์แบบมีสายที่เป็นตู้เปิดอาจเป็นตัวเลือกที่ลงตัว แต่ถ้าคุณชอบฟังเพลงที่ต้องการความละเอียดของเสียง หรือมีข้อจำกัดเรื่องการจัดวาง ซับวูฟเฟอร์แบบไร้สายที่เป็นตู้ปิดก็พร้อมตอบโจทย์
ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน Klipsch Flexus Core100 ก็พร้อมมอบประสบการณ์เสียงระดับพรีเมียมที่จะทำให้ทุกความบันเทิงในบ้านของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยคุณภาพการผลิตระดับสากลที่การันตีโดยแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Klipsch
ช้อปสินค้า : https://shopee.co.th/klipsch_official_store
ใส่ความเห็น