fbpx

ระบบเสียง Digital Home Theatre ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ระบบเสียง Digital Home Theatre ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

สำหรับหลายๆ คนที่เพิ่งจะเข้าสู่วงการการเล่นเครื่องเสียง ไม่ว่าจะเป็นลำโพงสำหรับการฟังเพลง  Soundbar หรือแม้กระทั่งชุด Home Theatre ต่างๆ แต่คุณรู้ไหมว่าระบบเสียง Digital ที่ถูกนิยมใช้กันตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้น มีอะไรบ้างในวันนี้เราจะมาแนะนำและให้คุณได้รู้จักกัน รูปแบบเสียง Digital แรกที่เราจะกล่าวถึงและถือว่าเป็นระบบเสียงแบบ Digital ในยุคแรกๆ นั่นคือ

PCM (Pulse-code modulation)

PCM คือระบบเสียง Digital ที่ถูกใช้ในยุคแรกๆ ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นในปี 1937 โดย Alec Reeves นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ และเป็นระบบเสียงแบบ Digital ที่ไม่ได้มีการบีบอัดสัญญาณ ซึ่งรองรับความละเอียดของเสียงตั้งแต่ 16 Bit/44.1 kHz (CD quality) ถึง 32 Bit/768kHz หรือที่เรียกว่า Hi-Res จนถึงระดับมาตรฐานใน Studio

PCM (Pulse-code modulation) นั้นสามารถรองรับได้ทั้งแบบ 2 ช่อง Stereo จนถึงแบบรอบทิศทาง 5.1 และ 7.1 แต่ PCM ในยุคแรกๆ นั้นต้องการ Bandwidth ในการส่งข้อมูลสูงกว่าความสามารถของอุปกรณ์ในยุคนั้นๆ อย่าง Optical กับ Coaxial ซึ่งสามารถรองรับสูงสุดแค่ระบบเสียงแบบ 2 แชนเนล เท่านั้น จึงทำให้ยังไม่สามารถรองรับระบบเสียง Multi-Ch ได้และถึงแม้ว่าในปัจจุบัน HDMI สามารถรองรับการส่งสัญญาณเสียงแบบ Multi-Ch ได้แล้ว แต่ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีที่เก่าที่ล้าสมัยไปแล้วไปแล้ว PCM จึงไม่เป็นที่ยิมใช้ในระบบโฮมเธียเตอร์

สำหรับรูปแบบเสียงในยุคต่อมาคือ Dolby Digital และ DTS

Dolby Digital และ DTS ระบบเสียงทั้ง 2 ระบบนี้เกิดขึ้นในยุคแผ่นหนัง แผ่นดีวีดีแผ่น Blu-Ray และในบางกรณีก็ถูกใช้สำหรับการออกอากาศรายการโทรทัศน์หรือสตรีมมิ่ง ซึ่งในยุคนั้นคนที่ใช้การเล่นแผ่นดีวีดีแผ่น Blu-ray อาจเคยผ่านและคุ้นตากันมาบ้างอย่างแน่นอน
Dolby (Dolby Laboratories ) และ DTS (Datasat Digital Entertainment) นั้นก็ถือว่าเป็นคู่แข่งกันมาโดยตลอด โดยการคิดค้นวิธีการเข้ารหัสเสียงและการบีบอัดสัญญาณเสียงแบบรอบทิศทาง ทำให้สามารถส่งผ่านสัญญาณผ่านสายสัญญาณอย่าง Optical กับ Coaxial ได้ จึงออกมาเป็น Dolby Digital และ DTS ซึ่งระบบเสียงทั้ง 2 ระบบนี้ถือว่ามีความคมชัดเพียงพอต่อการรับชมในแบบปกติทั่วไป DTS ก็คือค่าความละเอียดเสียงต่อวินาที ซึ่งระบบเสียง Dolby จะอยู่ที่ 384 – 640 Kbps ส่วนระบบเสียง DTS นั้นจะอยู่ที่ 768 – 1536 Kbps นั่นเองครับ

Dolby True HD และ DTS-HD Master Audio

ในยุคของ Blu-Ray ด้วยความจุแผ่นที่เพิ่มขึ้น การเก็บข้อมูลเสียงก็ได้มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานของสายสัญญาณภาพและเสียงเป็น HDMI ก็ทำให้สามารถรองรับ Bandwidth ได้มากยิ่งขึ้น Dolby และ DTS ก็เลยพัฒนาระบบเสียงรอบทิศทางให้มีคุณภาพดีมากขึ้น สามารถเข้ารหัสเสียงที่มีการบีบอัดและเพิ่มบิตเรทให้สูงขึ้นด้วย

ในอดีตนั้นการรับชมภาพยนตร์เป็นการรับชมในรูปแบบเสียงของ 5.1 Ch แต่ในยุคปัจจุบันนั้นได้มีการเพิ่มลำโพง Surround ด้านหลังจาก 2 ตัว กลายมาเป็น 4 ตัว จนเป็นระบบเสียงแบบ 7.1 Ch ซึ่งทำให้การรับชมภาพยนต์และระบบเสียงมีความโอบล้อมและชัดเจนมากกว่าเดิมมากขึ้น

Dolby Atmos และ DTS : X

ระบบเสียงนั้นได้ถูกพัฒนามาเป็นรูปแบบระบบเสียงแบบ 3 มิติ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ ระบบเสียงในยุคก่อนจะมีแค่ลำโพงในแนวระนาบเท่านั้น แต่ระบบเสียงแบบ 3 มิติหรือ Immersive Sound ( Immersive Sound คือระบบเสียงที่สามารถ Decode เสียงออกมาเป็น 3 มิติได้ ปกติระบบเสียงในยุคก่อน เช่น Dolby True HD, DTS-HD จะเป็น 2 มิติเท่านั้น ) ก็ได้มีการเพิ่มลำโพงในส่วนของด้านสูงหรือลำโพงบนหัวขึ้นมา

โดยที่จุดเด่นของระบบเสียงทั้งสองนี้ คือ ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงประกอบต่างๆ ได้อย่างสมจริงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเสียงในตำแหน่งบนหัวของเรา อย่างเช่น เสียงฝนตก ฟ้าร้อง  เครื่องบินบินผ่านหัว  เสียงของภาพยนต์หนัง Action เช่นการยิงกันหรือเสียงของระเบิด ก็ทำให้ได้อรรถรสในการรับฟังที่มากยิ่งขึ้น

          ซึ่งระบบเสียงทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือระบบเสียงแบบ Digital Home Theatre ในยุคต่างๆ ตั้งแต่อดีตที่ถูกใช้งานจน ได้รับการพัฒนามาสู่ระบบเสียง Digital Home Theatre ที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบัน ซึ่งในเครื่องเล่น AVR ต่างๆ ในยุคปัจจุบันนั้นต่างก็สามารถรองรับการเล่นรูปแบบเสียงแบบ  Digital Home Theatre ซึ่ง AVR ของ Onkyo  เองนั้นก็ได้ถูกพัฒนาและรองรับการเล่นรูปแบบเสียงที่ทันสมัยของ Digital Home Theatre อีกด้วย

Share this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *