หูฟังมีกี่ประเภทและแบบไหนเหมาะกับคุณ
หูฟังในท้องตลาดนั้นก็มีหลากหลายประเภท ซึ่งหลายๆคนก็จะใช้หูฟังที่แถมมากับโทรศัพท์บ้างแต่บางท่านก็จะซื้อหูฟังในแบบที่ตัวเองชื่นชอบเพราะทำให้การฟังเพลง หรือ พูดคุยสนทนามีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลและอีกเหตุผลนึงที่หลายๆคนมักตระหนัก คือ เจ็บหูในขณะใช้งานบ้าง ชอบแน่นๆกระชับหูบ้าง ซึ่งก็มีหลายเหตุผลและข้อดี-ข้อเสียในการเลือกซื้อหูฟังซักชิ้นมาใช้ในชีวิตประจำวัน
1.หูฟัง Earbuds
หูฟัง Earbuds นั้นเรียกได้ว่าเป็นหูฟังที่มักจะชอบแถมในกล่องโทรศัพท์จึงทำให้หลายๆคนคุ้นเคยกับหน้าตาของมันมากกว่าแบบอื่น ซึ่งหูฟังประเภทนี้ดังและเป็นที่นิยมมากๆในนาม “หูฟังไอโฟน” หรือ หูฟังที่แถมมาในโทรศัพท์ยี่ห้อ Apple จึงทำให้หลายๆแบรนด์เริ่มผลิตหูฟัง Earbuds ออกมาและในปัจจุบันสามารถซื้อได้ในราคาที่ค้อนข้างถูก หาซื้อได้ง่าย คุณภาพเสียงดีและสามารถเก็บรายละเอียดได้ดี ฟังสบายแต่ไม่ค่อยสามารถกันเสียงข้างนอกได้เท่าไหร่ ถ้าคิดในแง่ดีก็ช่วยให้เราปลอดภัยระหว่างเดินทาง ข้อเสีย คือ ใส่นานๆอาจจะทำให้เจ็บรอบๆรูหูและหลุดได้ง่ายเมื่อเคลื่อนไหวเร็วๆ
1.1.ข้อดีของหูฟัง Earbuds
– พกพาง่าย
– ราคาไม่แพง
– ปลอดภัยเพราะได้ยินเสียงภายนอก
1.2.ข้อเสียของหูฟัง Earbuds
– กันเสียงรบกวนภายนอกไม่ได้เลย
– หลุดง่าย และใส่ไม่ค่อยพอดีเพราะขนาดหูแต่ละคนไม่เท่ากัน
– ใส่นานๆแล้วมักจะเจ็บรอบรูหู
2.หูฟัง In-Ear
หูฟัง In-Ear ถือว่าเป็นหูฟังที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงแค่พกพาได้สะดวกแต่หูฟัง In-Ear นั้นมักเป็นที่ชื่นชอบสำหรับท่านใดที่อยากกันเสียงรบกวนจากภายนอก เนื่องจากมีจุกหูฟังและจุกโฟมหลากหลายขนาดให้เลือกพอดีกับขนาดรูหูของผู้ใช้งานจึงทำให้สวมใส่ได้พอดีและไม่เจ็บหูเมื่อใส่นานๆ อีกทั้งยังหลุดยากอีกด้วย จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้ คือ เก็บรายละเอียดเสียงและคุณภาพเสียงได้ดีมากกว่าหูฟัง Earbuds แต่ข้อเสีย คือ ในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องด้วยหูฟัง In-Ear นั้นถ้าสวมใส่อาจจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงภายนอกจึงอาจจะทำให้เกิดอันตรายระหว่างเดินทางและสำหรับใครที่ชอบเปิดเพลงดังๆ ซึ่งถ้าเปิดดังมากไปจะทำให้เป็นอันตรายกับหูได้เช่นเดียวกัน
2.1.ข้อดีของหูฟัง In-Ear
– พกพาง่าย
– กันเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม
– รายละเอียดเสียงชัดเจน ครบถ้วน
2.2.ข้อเสียของหูฟัง In-Ear
– ไม่ได้ยินเสียงรบกวนภายนอก อาจได้รับอันตรายได้
– ถ้าเปิดเสียงดังจะเป็นอันตรายต่อหู
3.หูฟัง On-Ear
หูฟัง On-Ear เป็นหูฟังแบบแนบหูที่ตัวฟองน้ำหูฟังนั้นจะแนบพอดีกับใบหู จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้คือให้เสียงที่กว้างขวาง ฟังสบายตามลักษณะของหูฟัง Full-size แต่ย่อขนาดให้เล็กลง ถึงแม้จะทำให้เสียงด้อยลงมาบ้างแต่ก็แลกมากับความสามารถในการพกพาด้วยน้ำหนักที่เบากว่า Full-size ขนาดใหญ่ ทำให้สะดวกในการพกพาไปไหนมาไหนนั่นเอง อีกทั้งยังกันเสียงจากภายนอกได้ดีในระดับนึง แต่ด้วยความที่ตัวฟองน้ำแนบหูพอใส่ไปนานๆอาจจะทำให้เกิดอาการร้อนใบหู หรือ เหงื่อชุ่มหูได้
3.1.ข้อดีของหูฟัง On-Ear
– น้ำหนักเบา ง่ายต่อการสวมใส่ และมักจะมากับดีไซน์สวยงาม
– หูฟังบางรุ่นพับเก็บได้จึงทำให้ง่ายต่อการพกพา
– หยิบใช้สะดวกระหว่างเดินทาง
– ให้เสียงฟังสบาย เวทีเสียงกว้าง เป็นธรรมชาติ
3.2.ข้อเสียของหูฟัง On-Ear
– ใส่ฟังนานๆใบหูมักจะร้อนและมีเหงื่อชุ่ม
– กันเสียงภายนอกได้ไม่ดีเท่าที่ควร
4.หูฟัง Over-Ear
หูฟัง Over-Ear เป็นหูฟังที่หลายๆคนชื่นชอบ โดยสวมใส่แบบครอบหูจึงทำให้ใส่สบาย ฟังนานๆได้ ตัวหูฟังส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่ บางตัวใหญ่มากจนไม่สะดวกต่อการพกพา แต่สิ่งที่แลกมาทั้งหมดนั้นคือคุณภาพของเสียง ที่ให้เสียงได้เป็นธรรมชาติ สมจริง เวทีเสียงกว้างขวางมาก ฟังสบาย นักเล่นหูฟังหลายต่อหลายคนเมื่อได้มาลองใช้หูฟัง Over-ear แล้วมักจะติดใจในคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม ดังนั้นหูฟังประเภทนี้จึงเหมาะกับการใช้งานอยู่กับที่ซะมากกว่า พกพาได้แต่เป็นครั้งคราว แต่ก็มีบางรุ่นที่ทำออกมาให้สะดวกต่อการพกพาด้วยขนาดที่เล็กลง จุดสำคัญของหูฟังประเภทนี้คือ หูฟัง Full-size บางตัวมักจะต้องการแอมป์มาช่วยขับเพื่อรีดศักยภาพของหูฟังเพื่อให้ได้เสียงที่ดีทีสุด
4.1.ข้อดีของหูฟัง Over-Ear
– สวมใส่สบาย ฟังได้เป็นระยะเวลานาน
– คุณภาพเสียงดีเยี่ยม เวทีเสียงกว้างขวาง เป็นธรรมชาติ
– ส่วนใหญ่หูฟังประเภทนี้แข็งแรง ทนทาน
4.2.ข้อเสียหูฟัง Over-Ear
– มีขนาดใหญ่พกพาไม่สะดวกเท่าที่ควร
– ในหูฟังรุ่นระดับสูงๆมักจะต้องการแอมป์ช่วยขับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับประเภทของหูฟังและความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละประเภท ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ความชื่นชอบของแต่ละท่านด้วยว่าถูกใจกับประเภทไหนทั้งงบประมาณ ความสะดวก คุณภาพ ต้องตัดสินใจกันแล้วละครับว่าประเภทไหนดีกว่ากัน
Leave a Reply