Wharfedale Pro ถูกติดตั้งในห้องรับรองวีไอพีของ Coca-Cola Arena ในดูไบ
ความสำเร็จอีกก้าวของ Wharfedale Pro ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบเสียงในห้องรับรองวีไอพีของ Coca-Cola Arena สถานที่จัดการแสดงและอีเวนต์ระดับโลกในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
การติดตั้งครั้งนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงมาตรฐานระดับสากลของผลิตภัณฑ์ Wharfedale Pro แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งานระดับมืออาชีพทั่วโลก ด้วยการผสมผสานของลำโพง ซับวูฟเฟอร์ และอุปกรณ์ประมวลผลเสียงที่ทันสมัย ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ที่มาเยือนจะได้สัมผัสประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบในทุกโอกาส
Wharfedale Pro ถูกติดตั้งในห้องรับรองวีไอพีของ Coca-Cola Arena ในดูไบ
Wharfedale Pro ได้รับการติดตั้งในห้องรับรองวีไอพีของ Coca-Cola Arena ในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ด้วยอุปกรณ์ที่จัดหาโดย Techniline Electronics การติดตั้งอันทรงเกียรตินี้ได้นำระบบเสียงคุณภาพสูงมาสู่หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การติดตั้งประกอบด้วยลำโพง และซับวูฟเฟอร์ซีรีส์ GPL รวมถึงแอมปลิฟายเออร์ซีรีส์ DP
รายการอุปกรณ์ที่ติดตั้ง:
– ลำโพงพาสซีฟ GPL-15 จำนวน 4 ตัว
– ลำโพงพาสซีฟ GPL-12 จำนวน 4 ตัว
– ซับวูฟเฟอร์ GPL-218B จำนวน 4 ตัว
– เพาเวอร์แอมป์ DP-4100 จำนวน 1 เครื่อง
– เพาเวอร์แอมป์ DP-2200 จำนวน 2 เครื่อง
– ระบบจัดการลำโพง SC-48 FIR Versadrive จำนวน 2 เครื่อง
การผสมผสานของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์เสียงที่คมชัด และไร้ที่ติตลอดทั่วห้องรับรองวีไอพี และสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาเยือนสถานที่ระดับโลกแห่งนี้เป็นอย่างมาก
ลำโพง Wharfedale Pro GPL Series ลำโพงคุณภาพสูงสำหรับการติดตั้งแบบถาวร
Wharfedale Pro ประกาศเปิดตัวซีรีส์ GPL ซึ่งให้เสียงที่เป็นธรรมชาติและโดดเด่นกว่าระบบ point source มาตรฐาน ด้วยคุณสมบัติดังนี้:
– ตู้ลำโพงขนาดกะทัดรัดพร้อมไดรเวอร์แบบ coaxial ทำให้ซีรีส์ GPL เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในโรงละคร องค์กร บาร์ ไนท์คลับ และงานดนตรีสด
– มีให้เลือกถึง 3 รุ่นใหม่ รวมถึงซับวูฟเฟอร์แบบ band-pass โดยทั้งหมดจะเป็นสีดำเหมาะสำหรับโครงการติดตั้งแบบถาวรที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง
คุณลักษณะเด่นของลำโพง Wharfedale Pro GPL Series
– Horn ออกแบบพิเศษ: ทุกรุ่นในซีรีส์ที่เป็นแบบ full range มี Horn ที่ออกแบบเป็นพิเศษ ช่วยให้ย่านความถี่สูงส่งตรงไปยังผู้ฟัง และลดการสะท้อนที่ไม่พึงประสงค์
– โครงสร้างไม้อัดเบิร์ช: กะทัดรัดแต่แข็งแรง
– ไดรเวอร์แบบ Coaxial: ให้เสียงที่สมดุล และกระจายเสียงได้ดี
– ตัวเลือกการติดตั้งหลากหลาย: มาพร้อมขายึดแบบ Yoke
– ซับวูฟเฟอร์: แบบ Band-pass
– การเชื่อมต่อ: รองรับทั้งแบบ speakON และ barrier strip
ซีรีส์ GPL จาก Wharfedale Pro จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการระบบเสียงคุณภาพสูงสำหรับการติดตั้งแบบถาวรในหลากหลายสถานที่
ไม้อัดเบิร์ช (Birch Plywood)
ทุกรุ่นในซีรีส์ GPL ใช้ไม้อัดเบิร์ชบอลติกคุณภาพสูงในการสร้างตู้ลำโพง ซึ่งมีข้อดี คือ สร้างตู้ลำโพงที่แข็งแรง และทนทาน มีส่วนช่วยในการสร้างเสียง และคาแรกเตอร์โดยรวมของลำโพง เคลือบด้วยสี Tough-Tone ซึ่งเป็นสีที่ทนทานที่สุดของเรา ทำให้มั่นใจได้ว่าลำโพง GPL จะยังคงสวยงามเหมือนวันแรกที่ติดตั้ง
อุปกรณ์สำหรับการติดตั้ง
Wharfedale Pro ได้ออกแบบซีรีส์ GPL ให้ติดตั้งได้ง่ายที่สุด เพื่อลดความซับซ้อนในการติดตั้ง: GPL-5 และ GPL-8: ติดตั้งกับผนังได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ขายึดผนัง WPB-3 หรือขายึดเหล็กแบบ yoke ที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์
โซลูชั่นสำหรับระบบเสียง
GPL ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบเสียงทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงสด หรือ การติดตั้งถาวร GPL มีโซลูชั่นที่เหมาะสมเสมอ ทำให้สามารถใช้แอมพลิฟายเออร์ Wharfedale Pro ซีรีส์ DP สามารถดาวน์โหลดค่าตั้งล่วงหน้า (preset) สำหรับรุ่น DP-N และ DP-F ได้ ด้วยความยืดหยุ่นนี้ คุณสามารถสร้างระบบเสียงที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หน้ากากลำโพงทำมาจากเหล็ก
หน้ากากลำโพงที่ทำมาจากเหล็กนับเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มคุณค่าและประสิทธิภาพให้กับลำโพงได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยคุณสมบัติพิเศษของเหล็ก หน้ากากลำโพงชนิดนี้จึงมอบประโยชน์หลายประการที่เหนือกว่าวัสดุทั่วไป
ประการแรก ความแข็งแรงทนทานของเหล็กช่วยปกป้องดอกลำโพงอันบอบบางและมีราคาแพงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการกระแทกโดยไม่ตั้งใจ การตกหล่น หรือแม้แต่การพยายามงัดแงะจากผู้ไม่หวังดี หน้ากากเหล็กจะทำหน้าที่เสมือนโล่กำบังอันแข็งแกร่ง ช่วยยืดอายุการใช้งานของลำโพงให้ยาวนานขึ้น
นอกจากนี้ คุณสมบัติในการนำความร้อนของเหล็กยังช่วยในการระบายความร้อนของดอกลำโพงได้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้งานที่ระดับความดังสูงเป็นเวลานาน ความร้อนจะถูกกระจายออกผ่านหน้ากากเหล็ก ช่วยลดความเสี่ยงของการเสียหายที่อาจเกิดจากความร้อนสะสม
ในแง่ของเสียง หน้ากากเหล็กที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงได้ โดยการลดการสั่นสะเทือนที่ไม่พึงประสงค์ และช่วยในการกระจายเสียงให้สม่ำเสมอมากขึ้น ทำให้เสียงที่ออกมามีความชัดเจนและเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น
ด้านความสวยงาม หน้ากากเหล็กสามารถรองรับการออกแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเจาะรู การพ่นสี หรือการชุบเคลือบผิว ทำให้ลำโพงมีความสวยงามควบคู่ไปกับความแข็งแรง สามารถเข้ากับการตกแต่งภายในได้หลากหลายรูปแบบ
ในกรณีของการใช้งานในพื้นที่สาธารณะหรือสถานที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง หน้ากากเหล็กยังช่วยป้องกันการเข้าถึงส่วนประกอบภายในของลำโพงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เหมาะสำหรับการติดตั้งในโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่จัดแสดงงาน
นอกจากนี้ ในแง่ของการบำรุงรักษา หน้ากากเหล็กยังทำความสะอาดได้ง่าย ทนต่อสารเคมีและความชื้น ทำให้สามารถใช้งานได้ในหลากหลายสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกอาคาร
โดยสรุปแล้ว หน้ากากลำโพงที่ทำจากเหล็กไม่เพียงแต่เป็นส่วนประกอบที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนในคุณภาพและความทนทานที่จะช่วยให้ลำโพงของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและคุณภาพของผู้ผลิตลำโพงชั้นนำ
ปากลำโพงแบบ SPHERICAL WAVEGUIDE
ปากลำโพงแบบ SPHERICAL WAVEGUIDE หรือตัวนำคลื่นทรงกลม เป็นนวัตกรรมในการออกแบบลำโพงที่มีประโยชน์อย่างมากต่อคุณภาพเสียงและประสิทธิภาพการกระจายเสียง ลักษณะพิเศษของปากลำโพงแบบนี้ช่วยยกระดับประสบการณ์การฟังให้ดียิ่งขึ้น
ด้วยรูปทรงโค้งมนแบบทรงกลม ตัวนำคลื่นนี้ช่วยควบคุมการกระจายของคลื่นเสียงให้เป็นไปอย่างราบเรียบและสม่ำเสมอ ทำให้เสียงแผ่กระจายออกไปในรูปแบบกรวยที่กว้างและเท่ากันในทุกทิศทาง ส่งผลให้ผู้ฟังสามารถรับฟังเสียงที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดของห้อง
นอกจากนี้ การออกแบบแบบ SPHERICAL WAVEGUIDE ยังช่วยลดปัญหาการสะท้อนของเสียงภายในตัวลำโพงเอง ทำให้เสียงที่ออกมามีความชัดเจนและแม่นยำมากขึ้น ลดการเกิดเสียงแทรกหรือเสียงก้องที่ไม่พึงประสงค์ ส่งผลให้เสียงที่ได้ยินมีความเป็นธรรมชาติและสมจริงมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์อีกประการหนึ่งของปากลำโพงแบบนี้คือ การเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองความถี่ โดยเฉพาะในย่านความถี่สูง ทำให้เสียงแหลมมีความคมชัดและกระจายตัวได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ฟังสามารถแยกแยะรายละเอียดของเสียงต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องดนตรีชิ้นเล็กๆ หรือน้ำเสียงของนักร้อง
การใช้ SPHERICAL WAVEGUIDE ยังช่วยในเรื่องของการจับคู่อิมพีแดนซ์ระหว่างไดรเวอร์กับอากาศได้ดีขึ้น ส่งผลให้การส่งผ่านพลังงานเสียงมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลำโพงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้พลังงานน้อยลง
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ปากลำโพงแบบ SPHERICAL WAVEGUIDE จึงเป็นที่นิยมในระบบเสียงระดับมืออาชีพ ทั้งในสตูดิโอบันทึกเสียง ห้องฟังเพลง หรือระบบเสียงสำหรับการแสดงสด ช่วยให้นักออกแบบระบบเสียงสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์การฟังที่ยอดเยี่ยมในหลากหลายสภาพแวดล้อม ตอบสนองความต้องการของผู้ฟังที่พิถีพิถันและมีความละเอียดอ่อนในการรับฟังเสียงได้เป็นอย่างดี
พอร์ตด้านหน้าคู่
พอร์ตด้านหน้าแบบคู่ในลำโพงเป็นนวัตกรรมการออกแบบที่มีประโยชน์อย่างมากต่อคุณภาพเสียงและประสิทธิภาพของลำโพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตอบสนองเสียงทุ้มและความยืดหยุ่นในการติดตั้ง
การมีพอร์ตคู่ด้านหน้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเสียงทุ้มได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อดอกลำโพงเคลื่อนที่ไปมา อากาศจะถูกดันออกและดูดเข้าผ่านพอร์ตทั้งสอง ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของอากาศมากขึ้น ส่งผลให้เสียงทุ้มมีพลังและความลึกมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดของตู้ลำโพงหรือขนาดของดอกลำโพงวูฟเฟอร์
นอกจากนี้ การมีพอร์ตคู่ยังช่วยลดการเกิดเสียงรบกวนหรือเสียงลมที่มักเกิดขึ้นในลำโพงที่มีพอร์ตเดี่ยว เนื่องจากอากาศสามารถเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ที่มากขึ้น ทำให้ความเร็วของอากาศที่ผ่านแต่ละพอร์ตลดลง ส่งผลให้เสียงทุ้มที่ได้มีความใสและชัดเจนมากขึ้น โดยปราศจากเสียงแทรกที่ไม่พึงประสงค์
การออกแบบให้พอร์ตอยู่ด้านหน้าของลำโพงยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการติดตั้ง ทำให้สามารถวางลำโพงชิดผนังหรือในพื้นที่จำกัดได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพเสียง ซึ่งแตกต่างจากลำโพงที่มีพอร์ตด้านหลังที่ต้องการพื้นที่ว่างด้านหลังเพื่อให้อากาศเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ
พอร์ตคู่ด้านหน้ายังช่วยในเรื่องของการกระจายความร้อน ทำให้ลำโพงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น โดยไม่เกิดปัญหาความร้อนสะสมภายในตู้ลำโพง ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพเสียงและอายุการใช้งานของอุปกรณ์
ในแง่ของการปรับแต่งเสียง พอร์ตคู่ด้านหน้าให้ความยืดหยุ่นมากขึ้นในการปรับจูนเสียงทุ้ม ทำให้วิศวกรเสียงสามารถปรับแต่งการตอบสนองความถี่ต่ำได้อย่างละเอียดมากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับลักษณะของห้องหรือพื้นที่การใช้งาน
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ลำโพงที่มีพอร์ตคู่ด้านหน้าจึงเป็นที่นิยมในหลากหลายการใช้งาน ทั้งในระบบเครื่องเสียงบ้าน ระบบเสียงสำหรับงานแสดงสด หรือแม้แต่ในสตูดิโอบันทึกเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องการเสียงทุ้มที่ทรงพลังและชัดเจน แต่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่หรือต้องการความยืดหยุ่นในการติดตั้ง
รายละเอียดของลำโพง Wharfedale Pro GPL5 Passive Speaker
– ลำโพง coaxial passive 2 ทาง
– การตอบสนองความถี่ 80 Hz – 20 KHz
– การตอบสนองความถี่ 68 Hz – 25 KHz (+/-10dB)
– ค่าความไว 96dB
– ความดังพีคสุดที่ 131dB- ค่าความต้านทาน 8 โอห์ม
– วงแหวนลดการเหนี่ยวนำทองแดงในทั้งตัวขับความถี่ต่ำและสูง ระบบแม่เหล็กเฟอร์ไรท์ประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบด้วย FEA กรวยตัวขับความถี่ต่ำกันน้ำ
– ความถี่ครอสโอเวอร์ 2.5 KHz
– ค่าแนะนำ HPF = BW18dB/oct. 63 Hz
– สีดำ
– กำลังขับต่อเนื่อง 200 วัตต์ พีคสูงสุดที่ 800
– รูปแบบลำโพงสี่เหลี่ยมคางหมู
Low Frequency
– ขนาดดอกลำโพง 5 นิ้ว
– Voice Coil 1.5 นิ้ว วัสดุอลูมิเนียม
High Frequency
– ปากฮอร์นแบบ Spherical
– การกระจายเสียง (แนวนอน x แนวตั้ง) 70°
– ดอกลำโพง 1 นิ้ว
– Voice Coil 1.5 นิ้ว
– ขนาดผลิตภัณฑ์ สูง 9.25 นิ้ว กว้างด้านหน้า 7.5 นิ้ว กว้างด้านหลัง 5.7 นิ้ว ลึก 10.4 นิ้ว
– น้ำหนักสุทธิ 5.12 กิโลกรัม
การเชื่อต่อของลำโพงลำโพง Wharfedale Pro GPL5 Passive Speaker
Input
– 2 x speakON
– 1 x Barrier Strip
อุปกรณ์เสริมของลำโพง Wharfedale Pro GPL5 Passive Speaker
จุดยึดและอุปกรณ์:
– จุดยึดแบบเกลียว M10 2 จุด
– จุดยึดแบบเกลียว M8 สำหรับ WPB-3 4 จุด
– ขายึดสำหรับแขวน GPL-5 แนวนอน
รายละเอียดของลำโพง Wharfedale Pro GPL8 Passive Speaker
– ลำโพง coaxial passive 2 ทาง
– การตอบสนองความถี่ 65 Hz – 20 KHz
– การตอบสนองความถี่ 53 Hz – 25 KHz (+/-10dB)
– ค่าความไว 97dB
– ความดังพีคสุดที่ 134dB- ค่าความต้านทาน 8 โอห์ม
– วงแหวนลดการเหนี่ยวนำทองแดงในทั้งตัวขับความถี่ต่ำและสูง ระบบแม่เหล็กเฟอร์ไรท์ประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบด้วย FEA กรวยตัวขับความถี่ต่ำกันน้ำ
– ความถี่ครอสโอเวอร์ 1.6 KHz
– ค่าแนะนำ HPF = BW18dB/oct. 48 Hz
– สีดำ
– กำลังขับต่อเนื่อง 350 วัตต์ พีคสูงสุดที่ 1400
– รูปแบบลำโพงสี่เหลี่ยมคางหมู
Low Frequency
– ขนาดดอกลำโพง 8 นิ้ว
– Voice Coil 2.5 นิ้ว วัสดุอลูมิเนียม
High Frequency
– ปากฮอร์นแบบ Spherical
– การกระจายเสียง (แนวนอน x แนวตั้ง) 70°
– ดอกลำโพง 1 นิ้ว
– Voice Coil 1.75 นิ้ว
– ขนาดผลิตภัณฑ์ สูง 15.3 นิ้ว กว้างด้านหน้า 11 นิ้ว กว้างด้านหลัง 7.1 นิ้ว ลึก 10.8 นิ้ว
– น้ำหนักสุทธิ 9.78 กิโลกรัม
การเชื่อต่อของลำโพงลำโพง Wharfedale Pro GPL8 Passive Speaker
Input
– 2 x speakON
– 1 x Barrier Strip
อุปกรณ์เสริมของลำโพง Wharfedale Pro GPL8 Passive Speaker
จุดยึดและอุปกรณ์:
– จุดยึดแบบเกลียว M10 2 จุด
– จุดยึดแบบเกลียว M8 สำหรับ WPB-3 4 จุด
– ขายึดสำหรับแขวน GPL-5 แนวนอน
รายละเอียดของลำโพง Wharfedale Pro GPL28B Passive Speaker
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์ Xband-pass แบบคู่
– การตอบสนองความถี่ 48 Hz – 150 KHz (+/-10dB)
– ความดังพีคสุดที่ 141dB- Parallel:4 Ω Discrete:8 Ω x 2
– วงแหวนลดการเหนี่ยวนำทองแดงในทั้งตัวขับความถี่ต่ำและสูง ระบบแม่เหล็กเฟอร์ไรท์ประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบด้วย FEA กรวยตัวขับความถี่ต่ำกันน้ำ
– ความถี่ครอสโอเวอร์ 1.6 KHz
– ค่าแนะนำ HPF = BW18dB/oct. 48 Hz
– สีดำ
– กำลังขับ 400 วัตต์ Parallel / 200 วัตต์ Discrete x 2
– กำลังขับ 1600 วัตต์ Parallel / 800 วัตต์ Discrete x 2
– ขนาดผลิตภัณฑ์ สูง 11.8 นิ้ว กว้างด้านหน้า 29.1 นิ้ว กว้างด้านหลัง 29.1 นิ้ว ลึก 17.7 นิ้ว
– น้ำหนักสุทธิ 25 กิโลกรัม
Low Frequency
– ขนาดดอกลำโพง 8 นิ้ว 2 ดอก
– Voice Coil 2.5 นิ้ว วัสดุอลูมิเนียม
การเชื่อต่อของลำโพงลำโพง Wharfedale Pro GPL28B Passive Speaker
Input
– 2 x speakON
– 1 x Barrier Strip
อุปกรณ์เสริมของลำโพง Wharfedale Pro GPL28B Passive Speaker
จุดยึดและอุปกรณ์:
– จุดยึดเกลียว M10 จำนวน 16 จุด
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Series Power Amplifier
คุณสมบัติใหม่ที่อัพเดต:
• ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่อัปเดต
• เพิ่มฟังก์ชัน DSP ภายใน
• จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่
• ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้
• อินพุต AES / EBU
FIR filter
FIR filter หรือ Finite Impulse Response filter ในลำโพงเป็นเทคโนโลยีการประมวลผลสัญญาณดิจิทัลที่กำลังปฏิวัติวงการเครื่องเสียงไฮเอนด์ ระบบนี้ทำหน้าที่เสมือนสมองอัจฉริยะที่คอยควบคุมและปรับแต่งเสียงของลำโพงให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ในโลกของเสียงดิจิทัล FIR filter ทำงานโดยการประมวลผลสัญญาณเสียงก่อนที่จะส่งไปยังวงจรขยายเสียงและดอกลำโพง ด้วยอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน FIR filter สามารถปรับแต่งการตอบสนองความถี่และเฟสของเสียงได้อย่างแม่นยำ ละเอียดอ่อน และมีประสิทธิภาพมากกว่าวงจรแบบแอนะล็อกแบบเดิม
ประโยชน์ของ FIR filter ในลำโพงนั้นมีมากมาย เริ่มจากการปรับปรุงการตอบสนองความถี่ให้เรียบและสม่ำเสมอ ทำให้เสียงที่ออกมามีความสมดุลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถแก้ไขปัญหาเฟสที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างดอกลำโพงต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในลำโพงหลายทาง ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพเสียงที่กว้างและลึกขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนนักดนตรีกำลังเล่นสดอยู่ตรงหน้า
FIR filter ยังช่วยชดเชยข้อจำกัดทางกายภาพของตู้ลำโพงและดอกลำโพง ทำให้ผู้ผลิตสามารถสร้างลำโพงที่มีขนาดกะทัดรัดแต่ให้เสียงที่เต็มอิ่มและทรงพลังได้ ในลำโพงระดับไฮเอนด์ FIR filter ถูกใช้เพื่อปรับแต่งการครอสโอเวอร์ระหว่างดอกลำโพงแต่ละตัวให้ราบรื่นและกลมกลืนมากขึ้น รวมถึงแก้ไขการตอบสนองที่ไม่สม่ำเสมอของดอกลำโพง ทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงที่ชัดเจนขึ้นในทุกย่านความถี่
หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของ FIR filter คือความสามารถในการอัพเดทและปรับปรุงผ่านซอฟต์แวร์ ทำให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพเสียงของลำโพงได้อย่างต่อเนื่อง แม้หลังจากที่ผู้ใช้ซื้อไปแล้ว นี่เป็นการเปิดมิติใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องเสียง
อย่างไรก็ตาม การใช้ FIR filter ในลำโพงก็มีข้อควรพิจารณาบางประการ เนื่องจากต้องการกำลังประมวลผลสูง จึงอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และอาจมีความหน่วงเวลาเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วผลกระทบนี้แทบไม่สังเกตได้ในการฟังปกติ
โดยสรุป FIR filter ในลำโพงเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการเครื่องเสียงไฮเอนด์ ด้วยความสามารถในการปรับแต่งเสียงที่ละเอียดและแม่นยำ ทำให้ผู้ฟังได้สัมผัสกับประสบการณ์เสียงที่ใกล้เคียงกับความตั้งใจของศิลปินมากที่สุด ในอนาคต เราอาจเห็นการใช้ FIR filter แพร่หลายมากขึ้นในลำโพงทุกระดับ นำมาซึ่งคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นสำหรับผู้ฟังทุกคน
มาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูง
อินพุต AES/EBU เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงรายละเอียดให้ดังนี้:
1. ความหมาย:
– AES ย่อมาจาก Audio Engineering Society
– EBU ย่อมาจาก European Broadcasting Union
– เป็นมาตรฐานที่พัฒนาร่วมกันโดยสององค์กรนี้
2. ลักษณะสำคัญ:
– เป็นการส่งสัญญาณเสียงแบบดิจิทัล
– ใช้สายแบบบาลานซ์ (balanced) 3 ขา คล้ายกับ XLR
– รองรับความละเอียดเสียงสูงถึง 24 บิต และอัตราการสุ่มสัญญาณ (sampling rate) สูงถึง 192 kHz
3. ข้อดี:
– คุณภาพเสียงสูง: ลดการสูญเสียคุณภาพเสียงในการส่งสัญญาณ
– ต้านทานสัญญาณรบกวน: ทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดี
– ส่งสัญญาณได้ระยะไกล: สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 100 เมตรโดยไม่เสียคุณภาพ
– รองรับการส่งข้อมูลพิเศษ: เช่น ข้อมูลลิขสิทธิ์ หรือข้อมูลควบคุมอื่นๆ
4. การใช้งานในเพาเวอร์แอมป์:
– รับสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงโดยตรง ไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ
– เหมาะสำหรับระบบเสียงมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด
– ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ เช่น มิกเซอร์ดิจิทัล หรือเครื่องเล่นสื่อดิจิทัลคุณภาพสูง
5. ความเข้ากันได้:
– สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสียงมืออาชีพอื่น ๆ ที่ใช้มาตรฐาน AES/EBU
– เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการบันทึกเสียงและการแพร่ภาพกระจายเสียง
6. ความแตกต่างจาก S/PDIF:
– AES/EBU มักใช้ในอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ ในขณะที่ S/PDIF มักพบในอุปกรณ์ผู้บริโภคทั่วไป
– AES/EBU ใช้แรงดันไฟฟ้าสูงกว่า ทำให้ส่งสัญญาณได้ไกลกว่า และทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า
7. ประโยชน์ในระบบเสียง:
– รักษาคุณภาพเสียงตลอดทั้งระบบ โดยเฉพาะในระบบขนาดใหญ่ หรือ ซับซ้อน
– ลดโอกาสการเกิดสัญญาณรบกวนหรือการสูญเสียคุณภาพเสียงในระหว่างการส่งสัญญาณ
โดยสรุป อินพุต AES/EBU ในเพาเวอร์แอมป์ช่วยให้สามารถรับสัญญาณเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงได้โดยตรง เหมาะสำหรับระบบเสียงมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและความน่าเชื่อถือสูงครับ
ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้
1. ความมั่นคงในการเชื่อมต่อ:
– ล็อคแน่นหนา ไม่หลุดง่าย แม้ในสภาพการใช้งานที่มีการสั่นสะเทือน
– ลดโอกาสการหลุดของสายระหว่างการแสดงสดหรือการบันทึกเสียง
2. คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น:
– การเชื่อมต่อที่แน่นหนาช่วยรักษาคุณภาพของสัญญาณเสียง
– ลดโอกาสเกิดเสียงรบกวนจากการเชื่อมต่อที่ไม่สมบูรณ์
3. ความปลอดภัย:
– ป้องกันการถอดสายโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังกะทันหันหรือความเสียหายต่ออุปกรณ์
– เหมาะสำหรับการติดตั้งในที่สาธารณะหรือพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน
4. ความทนทาน:
– ออกแบบมาให้ทนต่อการใช้งานหนัก เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
– อายุการใช้งานยาวนานกว่าขั้วต่อแบบธรรมดา
5. ความสะดวกในการใช้งาน:
– ง่ายต่อการเสียบและถอด แต่ยังคงความแน่นหนา
– มักมีกลไกล็อคที่ใช้งานง่าย สามารถล็อคและปลดล็อคได้รวดเร็ว
6. การป้องกันการสลับขั้ว:
– ขั้วต่อ XLR มีการออกแบบที่ป้องกันการเสียบผิดขั้ว ช่วยป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์
7. เหมาะสำหรับการติดตั้งถาวร:
– ในการติดตั้งระบบเสียงแบบถาวร ขั้วต่อแบบล็อคช่วยให้มั่นใจว่าการเชื่อมต่อจะคงอยู่ในสภาพที่ดีเป็นเวลานาน
8. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว:
– ความทนทานและความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้นช่วยลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยๆ
9. มาตรฐานอุตสาหกรรม:
– ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้เป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมเสียงมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ง่าย
โดยสรุป ขั้วต่อ XLR แบบล็อคได้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ คุณภาพเสียง และความปลอดภัยในการใช้งานเพาเวอร์แอมป์ เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในสตูดิโอ การแสดงสด และการติดตั้งระบบเสียงแบบถาวรครับ
จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่
1. ความหมายของ IPS:
IPS ย่อมาจาก In-Plane Switching เป็นเทคโนโลยีการผลิตจอแสดงผล LCD ประเภทหนึ่ง
2. คุณสมบัติหลักของจอ IPS:
– มุมมองกว้าง: สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากมุมที่กว้างขึ้น
– สีสันสดใส: ให้สีที่สมจริงและสดใสกว่าจอ LCD แบบเดิม
– ความคมชัดสูง: แสดงรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
3. ข้อดีในการใช้งานกับเพาเวอร์แอมป์:
– อ่านค่าได้ง่ายขึ้น: สามารถดูข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอได้ชัดเจน แม้ในสภาพแสงที่ไม่เอื้ออำนวย
– ใช้งานสะดวก: มองเห็นได้ชัดเจนจากหลายมุม ทำให้ปรับแต่งค่าต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
– แสดงข้อมูลได้มากขึ้น: ด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น สามารถแสดงข้อมูลได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม
– ประหยัดพลังงาน: จอ IPS มักใช้พลังงานน้อยกว่าจอแบบเก่า
– อายุการใช้งานยาวนาน: มีความทนทานสูง เหมาะกับการใช้งานหนัก
4. การแสดงผลที่ดีขึ้น:
– แสดงกราฟและข้อมูลทางเทคนิคได้ละเอียดขึ้น เช่น กราฟ EQ, ระดับเสียง
– แสดงสีของสัญญาณหรือสถานะต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ช่วยในการมอนิเตอร์ระบบ
5. ความสะดวกในการใช้งาน:
– อินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่ดีขึ้น: สามารถออกแบบหน้าจอควบคุมให้ใช้งานง่ายและสวยงามยิ่งขึ้น
– ตอบสนองรวดเร็ว: จอ IPS มักมีเวลาตอบสนองที่เร็ว ทำให้การควบคุมทำได้อย่างราบรื่น
6. เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงาน:
– ทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดี เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
– มองเห็นได้ชัดแม้ในที่มืด ซึ่งเป็นประโยชน์มากในการแสดงดนตรีสดหรือในสตูดิโอ
โดยสรุป จอแสดงผลสี IPS แบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความสะดวก ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการควบคุมและมอนิเตอร์เพาเวอร์แอมป์ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้นครับ
Ethernet x 2
เพาเวอร์แอมป์นี้มีช่องเชื่อมต่อ Ethernet จำนวน 2 ช่องอยู่ที่ด้านหน้าของเครื่อง ซึ่งใช้สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ผ่านระบบเครือข่าย ด้วยการเชื่อมต่อนี้ ผู้ใช้สามารถควบคุม และตรวจสอบการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้จากระยะไกล
นอกจากนี้ ทางผู้ผลิตได้จัดเตรียมซอฟต์แวร์ควบคุมมาให้พร้อมกับอุปกรณ์ ซึ่งซอฟต์แวร์นี้มีความสามารถครอบคลุมทุกการใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถ:
1. ปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของเพาเวอร์แอมป์ได้ทั้งหมด เช่น การตั้งค่าอีควอไลเซอร์, ครอสโอเวอร์, ระดับเสียง และอื่น ๆ
2. ตรวจสอบสถานะการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ได้แบบเรียลไทม์ เช่น อุณหภูมิ, ระดับสัญญาณเข้า-ออก, สถานการณ์ป้องกันต่าง ๆ
ทั้งหมดนี้สามารถทำได้จากระยะไกลผ่านการเชื่อมต่อ Ethernet โดยไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่องโดยตรง ซึ่งเพิ่มความสะดวก และประสิทธิภาพในการควบคุมระบบเสียงขนาดใหญ่ หรือ ในสถานที่ที่เข้าถึงอุปกรณ์ได้ยาก
คุณสมบัตินี้ทำให้เพาเวอร์แอมป์รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบเสียงระดับมืออาชีพ เช่น ในคอนเสิร์ตฮอลล์ สนามกีฬา หรือสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ ที่ต้องการการควบคุม และตรวจสอบระบบเสียงอย่างละเอียด และรวดเร็ว
การเชื่อมต่อแบบ Speakon
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier ด้านหลังเครื่องมีช่องต่อแบบ speakon ที่รองรับการต่อกับสายลำโพงแบบ speakon ซึ่งช่องต่อแบบ speakon เป็นช่องต่อสำหรับเชื่อมต่อสายลำโพงเข้ากับอุปกรณ์เครื่องเสียง เช่น เพาเวอร์แอมป์ ลำโพง หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้สัญญาณเสียงแบบสองขั้ว ช่องต่อแบบ speakon มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว ปลายทั้งสองด้านมีขั้วต่อแบบกลม
ช่องต่อแบบ speakon มีด้วยกันสองประเภทหลัก ๆ คือ
ช่องต่อ speakon 4 ขา เป็นประเภทที่พบเห็นทั่วไป ประกอบด้วยขั้วต่อสองขั้วสำหรับสัญญาณเสียง และอีกสองขั้วสำหรับการป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน
ช่องต่อ speakon 2 ขา เป็นประเภทที่พบเห็นน้อยกว่า ประกอบด้วยขั้วต่อเพียงสองขั้วสำหรับสัญญาณเสียงเท่านั้น
ช่องต่อแบบ speakon มีข้อดีหลายประการ ดังนี้
สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้สูง ช่องต่อแบบ speakon สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้สูงถึง 16 แอมป์ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกับลำโพงที่มีกำลังขับสูง
มีความแข็งแรงทนทาน ช่องต่อแบบ speakon ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทำให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการเสียดสี หรือ แรงกระแทก
ป้องกันการหลุดออกจากกัน ช่องต่อแบบ speakon มีกลไกป้องกันการหลุดออกจากกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าสายลำโพงจะไม่หลุดออกจากกันขณะใช้งาน
ช่องต่อแบบ speakon นิยมใช้ในงานระบบเสียงระดับมืออาชีพ เช่น งานแสดงสด งานคอนเสิร์ต งานกลางแจ้ง เป็นต้น
ปรับโหมดได้หลากหลาย
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP Series Amplifier ยังมีช่องรับสัญญาณแบบ XLR balanced ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบเสียงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสวิตช์ DIP ที่อยู่ด้านหลังเพื่อตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดสเตอริโอ โหมดโมโน โหมดบริจด์ และความไวของอินพุต 0.775 Vrms (35 dB) or 32 dB
ระบบป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier มี 5ระบบในการป้องกันอิเล็กทรอนิกส์
1. Power under-voltage protection (การป้องกันแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป)
– ระบบนี้ช่วยป้องกันแอมป์เมื่อแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้แอมป์ต่ำเกินไป
– หากแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป อาจทำให้แอมป์ทำงานผิดปกติหรือเสียหายได้
– ระบบจะตัดการทำงานของแอมป์เมื่อตรวจพบแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินกำหนด
2. Amplifier output DC protection (การป้องกันไฟฟ้ากระแสตรงที่เอาต์พุต)
– ป้องกันไม่ให้มีไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ออกจากแอมป์ไปยังลำโพง
– ไฟ DC ที่ออกไปอาจทำให้ลำโพงเสียหายได้
– ระบบจะตัดสัญญาณเอาต์พุตทันทีที่ตรวจพบ DC
3. Thermal Protection (การป้องกันความร้อน)
– ป้องกันแอมป์จากความเสียหายเนื่องจากความร้อนสูงเกินไป
– เมื่ออุณหภูมิสูงเกินค่าที่กำหนด ระบบจะปิดแอมป์หรือลดกำลังขับลง
– ช่วยยืดอายุการใช้งานของแอมป์
4. Temperature Power Control (การควบคุมกำลังตามอุณหภูมิ)
– ระบบนี้จะปรับลดกำลังขับของแอมป์เมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น
– ช่วยให้แอมป์ยังคงทำงานต่อไปได้ แม้ในสภาวะที่ร้อน โดยไม่ต้องปิดระบบทั้งหมด
– ทำงานก่อนที่ระบบ Thermal Protection จะทำงาน
5. Overload Power Control (การควบคุมกำลังเมื่อโหลดเกิน)
– ควบคุมกำลังขับเมื่อตรวจพบว่ามีการใช้งานเกินกำลังของแอมป์
– ช่วยป้องกันความเสียหายจากการใช้งานหนักเกินไป
– อาจลดกำลังขับลงชั่วคราวเพื่อป้องกันแอมป์และลำโพง
ระบบป้องกันเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าเพาเวอร์แอมป์จะทำงานได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะการใช้งานที่หนัก หรือ ไม่เหมาะสมช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งแอมป์ และลำโพงครับ
ซอฟต์แวร์ควบคุม DSP ที่อัปเดต
เพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-F Power Amplifier ใช้ประโยชน์จากพลังของ DSP ภายในซอฟต์แวร์แก้ไขที่ให้มาช่วยให้มองเห็นภาพรวมที่ใช้งานได้จริงของพารามิเตอร์ระบบทั้งหมด และคุณสมบัติ DSP ภายในแอมป์ DP-F สามารถตรวจสอบและแก้ไข DP-F จากระยะไกลได้อย่างง่ายดาย
PFC เทคโนโลยีสำคัญในเพาเวอร์แอมป์
PFC หรือ Power Factor Correction เป็นเทคโนโลยีสำคัญในเพาเวอร์แอมป์สมัยใหม่ครับ หรือ การแก้ไขค่าตัวประกอบกำลังไฟฟ้า
หน้าที่หลัก:
– ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า
– ลดการสูญเสียพลังงานในระบบไฟฟ้า
วิธีการทำงาน:
– ปรับแต่งรูปคลื่นกระแสไฟฟ้าให้สอดคล้องกับแรงดันไฟฟ้ามากที่สุด
– ลดความแตกต่างระหว่างกำลังไฟฟ้าจริงที่ใช้กับกำลังไฟฟ้าปรากฏ
ประโยชน์ในเพาเวอร์แอมป์:
– เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: ใช้พลังงานน้อยลงแต่ได้กำลังขับเท่าเดิม
– ลดความร้อน: ช่วยให้แอมป์ทำงานเย็นลง ยืดอายุการใช้งาน
– เสถียรภาพดีขึ้น: ทำให้แอมป์ทำงานได้คงที่แม้แรงดันไฟฟ้าจะไม่คงที่
– ลดการรบกวนในระบบไฟฟ้า: ลดผลกระทบต่ออุปกรณ์อื่นในวงจรไฟฟ้าเดียวกัน
ผลต่อคุณภาพเสียง:
– ให้เสียงที่สะอาดและชัดเจนขึ้น เนื่องจากลดการรบกวนทางไฟฟ้า
– ตอบสนองต่อความต้องการกำลังไฟฟ้าสูงๆ ได้ดีขึ้น ทำให้เสียงมีพลังและไดนามิกดีขึ้น
ข้อดีอื่น ๆ:
– ช่วยให้แอมป์ทำงานได้ดีในหลายประเทศที่มีระบบไฟฟ้าต่างกัน
– ลดโอกาสการเกิดปัญหาจากไฟกระชาก
โดยสรุป PFC เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เพาเวอร์แอมป์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสถียร และให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น แม้ในสภาพแวดล้อมที่ระบบไฟฟ้าอาจไม่เสถียรครับ
พร้อมใช้งานกับระบบ 70 V / 100 V
ในตัวอย่างระบบอิมพีแดนซ์สูงนี้ DP-2200F สามารถขับลำโพง i8T ได้สูงสุด 100 ตัว การกำหนดค่านี้ยังสามารถขับลำโพง i8T น้อยกว่า 100 ตัวได้ด้วย ตั้งแต่ 2 ถึง 100 ตัว!
เมื่อสลับไปที่โหมด 100 V รุ่น DP-N (F) จะมีการตั้งค่า Peak Limiter และ RMS Limiter โดยอัตโนมัติ เพียงแค่ตั้งค่า HPF ในส่วน EQ เท่านั้น
สำคัญ: ก่อนเชื่อมต่อโหลดกับแอมป์ ให้วัดอิมพีแดนซ์ของสายด้วยเครื่องวัดอิมพีแดนซ์ (เครื่องราคาไม่แพงก็เพียงพอ) หากอิมพีแดนซ์โหลดต่ำเกินไป แอมป์จะรับโหลดมากเกินไปและอาจร้อนเกินหรือเกิดการบิดเบือน เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าคุณสามารถเชื่อมต่อลำโพงจำนวนไม่จำกัดกับสาย 100 V หรือ 70 V หากอิมพีแดนซ์โหลดวัดได้ต่ำกว่าอิมพีแดนซ์การทำงานขั้นต่ำของแอมป์ ให้ปรับแทปกำลังของลำโพงทั้งหมดไปที่ระดับต่ำลงถัดไป ซึ่งจะเพิ่มอิมพีแดนซ์โหลด แล้ววัดอีกครั้ง
พรีเซ็ตรวมอยู่ในที่เดียว
พรีเซ็ต DSP สามารถทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบ
เพื่อความง่าย เราได้สร้างไฟล์ดาวน์โหลดเดียวซึ่งมีพรีเซ็ตปัจจุบันทั้งหมดสำหรับลำโพงหลายรุ่นของเรา เพื่อใช้กับแอมป์ DP-F และ DP-N series เมื่อเราเพิ่มพรีเซ็ตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ไฟล์ ‘Wharfedale Pro Preset Library.zip’ จะขยายและมีคอลเลกชันพรีเซ็ตระบบที่สมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีไฟล์ README ที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละพรีเซ็ต
รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-2200F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 2 Channel
– Class D
– กำลังขับ 2 x 4760 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 2 x 3400 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 2 x 2000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
– กำลังขับ 1 x 9520 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 1 x 6800 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 1 x 4000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
– ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
– Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
– ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
– น้ำหนักสุทธิ 9.3 กิโลกรัม
รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-4100F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 4 Channel
– Class D
– กำลังขับ 4 x 2890 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 1700 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 1000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
– กำลังขับ 2 x 5780 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 3400 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 2000 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
– ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
– Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
– ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
– น้ำหนักสุทธิ 9.1 กิโลกรัม
รายละเอียดของเพาเวอร์แอมป์ Wharfedale Pro DP-4035F Power Amplifier
– เพาเวอร์แอมป์ 4 Channel
– Class D
– กำลังขับ 4 x 1010 วัตต์ ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 595 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Stereo)
– กำลังขับ 4 x 350 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม(Stereo)
– กำลังขับ 2 x 2020 วัตต์ ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 1190 วัตต์ ที่ความต้านทาน 8 โอห์ม (Bridge)
– กำลังขับ 2 x 700 วัตต์ ที่ความต้านทาน 16 โอห์ม(Bridge)
– ระบบป้องกันอิเล็กทรอนิกส์ Power under-voltage protection,Amplifier output DC protection, Thermal Protection, Temperature Power Control,Overload Power Contro
– Gain (Rated Power,1 KHz)35 dB
– Main Power 90~260 VAC,50/60 Hzl
– ขนาด (กว้าง×สูง×ลึก) 483 x 45 x 367 มม.
– น้ำหนักสุทธิ 8.0 กิโลกรัม
การเลือกใช้ลำโพง Wharfedale Pro ในห้องรับรองวีไอพีของ Coca-Cola Arena ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจในคุณภาพของแบรนด์ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของทีมวิศวกรเสียงที่ต้องการมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมให้กับผู้ใช้บริการ
การติดตั้งครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ Wharfedale Pro ในการขยายฐานการติดตั้งระดับโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านความบันเทิงและการจัดงานระดับนานาชาติ
Coca-Cola Arena ในดูไบ จะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่ผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์เสียงคุณภาพสูงจาก Wharfedale Pro ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของห้องรับรองวีไอพี หรือพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของอารีน่า
ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำชื่อเสียงของ Wharfedale Pro ในวงการเครื่องเสียงมืออาชีพ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าแบรนด์พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าและรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมความบันเทิงระดับโลก
Leave a Reply