fbpx

12 ข้อแตกต่างลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition จากรุ่นปกติอย่างไร

12 ข้อแตกต่างลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition จากรุ่นปกติอย่างไร

The Fives เป็นซีรีย์ใน Heritage ซึ่งเป็นหนี่งในซีรีย์ที่มีสายการผลิตที่ยาวนานที่สุดในโลก เช่น Klipschorn ยังคงเดินสายการผลิตอยู่กว่า 75 ปี นอกจากนี้ยังมีรุ่น La Scala, Forte, Cornwall ด้วย ซึ่งใช้เทคนิค know-how กว่า 75 ปี ไม่ว่าจะเป็น DNA ในการดีไซน์ หรือ ใช้การ voicing เทคนิคก็เรียกได้ว่ามีครบองค์ตั้งแต่ในรุ่น Klipsch The Fives ที่คลอดออกมาในปี 2019 ก็ถือว่าเป็นที่ฮือฮาและกระแสตอบรับดีมากๆสำหรับคนที่ชื่นชอบลำโพง 2 แชลแนลในสไตล์วินเทจและในปี 2022 นี้จะพบการกลับมาของ Klipsch The Fives ในรุ่นที่เรียกได้ว่า Limited กว่าเดิมทั้งดีไซน์และเสียงไปกับรุ่นลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition

ลำโพงตัวแรกและตัวเดียวที่ Collab กันระหว่าง Klipsch และ McLaren รุ่น Fives McLaren Edition ยกระดับประสิทธิภาพและการออกแบบ แอมพลิฟายเออร์ความละเอียดสูงให้พลังวูฟเฟอร์คาร์บอนไฟเบอร์ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันที่เรียกได้ว่าแต่ละส่วนองค์ประกอบนั้นจะเต็มไปตัวความ Exclusive ที่ไม่เหมือนเดิม เพราะอะไรกันหน่ะหรอ….แบรนด์ที่เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของเรื่องเสียงและเรื่องความเร็ว จนกลายมาเป็น “Speed Of Sound” ซึ่งต้องบอกเลยว่าไม่เพียงแต่เสียงที่จะพรีเมี่ยมขึ้นกว่ารุ่นธรรมดาแต่วัสดุในแต่ละจุดนั้นก็ยังทำออกมาแตกต่างกว่ารุ่นเดิมอีกด้วย เราไปดูกันดีกว่าครับว่าลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition รุ่นนี้จะมีอะไรที่แตกต่างกว่ารุ่นธรรมดากันบ้าง ไปอ่าน 12 ข้อแตกต่างลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition จากรุ่นปกติอย่างไรกันครับ

12 ข้อแตกต่างลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition จากรุ่นปกติอย่างไร

1.แผงควบคุมสีส้มทองสุดพรีเมี่ยม

แผงควบคุมลำโพงไม่ว่าจะเป็น Source หรือ volume ต่างก็เป็นสีส้มทองเงาแวววาวทั้งแผงทำจากเหล็กชั้นดีเพิ่มความหรูหรา อีกทั้งยังมีโลโก้ Klipsch และ McLaren บนแผงควบคุมลำโพงเพื่อเพิ่มความพรีเมี่ยมอีกด้วย

2.หน้ากาก Clothes ด้วยโลโก้อะลูมิเนียมสัญลักษณ์ McLaren

หน้ากาก Clothes สีดำถูกตัดด้วยโลโก้อะลูมิเนียมสัญลักษณ์ McLaren สีส้มที่เรียกได้ว่าโดดเด่นเด้งออกมาอย่างชัดเจน อีกทั้งตัวหน้ากากนั้นออกแบบมาเป็นแบบแม่เหล็กสามารถดูดเข้ากับตัวลำโพงได้อย่างง่ายๆ นอกจากเสียงที่ดีแล้ว หน้าตายังสามารถวางเป็นเครื่องประดับสุดเท่ได้ไว้ในห้องเลยละครับ

3.ดอกลำโพง Carbon Fiber ลาย Kevlar น้ำหนักเบาแต่ทรงประสิทธิภาพ

ดอกลำโพงที่เรียกได้ว่ามาในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครและเป็นตัวแรกของทางแบรนด์ Klipsch ที่ทำดอกลำโพงลาย Kevlar ออกมา อีกทั้งยังทำมาจากวัสดุ Carbon Fiber ที่ไม่เหมือนรุ่นเดิมอีกต่างหาก ไม่เพียงเท่านั้น บอกเลยครับว่าเสียงเบสที่ออกมานั้นมีพลังและนุ่มมากๆ ให้ความรู้สึกอิมเมจที่มากกว่าเดิม มาในขนาด 4.5 นิ้ว ที่เรียกได้ว่าใครลองฟังติดใจแน่นอน

4.ดอกทวีตเตอร์สีส้มสุดเท่

ดอกทวีตเตอร์ด้านในจะเป็นสีส้มที่เรียกได้ว่าพุ่งกระแทกตาเลยทีเดียวเพราะความเท่นั้นมาพร้อมกับการตัดกันของสีดำของปากฮอร์นและสีส้มของดอกทวีตเตอร์นั้นเอง ซึ่งดอกทวีตเตอร์นี้มาในขนาด 1 นิ้ว ทำจากวัสดุไทเทเนียม ในสำนักรีวิวเครื่องเสียงในต่างประเทศยกให้เป็นรุ่นหนึ่งที่ดีที่สุดในลำโพงวางหิ้งระดับราคานี้ จะสังเกตรีวิวต่างประเทศเอามารีวิวกันเยอะมาก ซึ่งเจ้าเสียงแหลมตัวนี้ก็จะใส่ในตัว The Fives ทำให้มั่นใจเลยว่าเสียงเดียวกันกับหนึ่งในลำโพงวางหิ้งที่ดีที่สุดแต่ในฉบับแอ็กทีฟ

5.โลโก้หน้าปากฮอร์นลำโพงเพิ่มความ Exclusive ให้กับผู้ครอบครอง

ในบริเวณหน้าปากฮอร์นของลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition นั้นจะมีโลโก้ของแบรนด์ Klipsch และ McLaren เพื่อเพิ่มความ Exclusive ไม่เหมือนใครเข้าไปอีก

6.สายลำโพงและสายไฟออกแบบมาเป็นสายถักให้ความรู้สึกสปอร์ตมากยิ่งขึ้น

สายลำโพงที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อ หรือ ลิ้งค์ลำโพง 2 ตัวเข้าด้วยกันและสายไฟที่เป็นสายสำคัญในการใช้งานนั้นถูกออกแบบมาเป็นแบบผ้าถักสีส้มมะละกอสุดเท่ ที่ดูก็รู้สึกว่าถึก ทน แน่นอน

7.แผงการเชื่อมต่อด้านหลังแบบสุดคลู

แผงการเชื่อมต่อด้านหลังออกแบบให้ตัวหนังสือที่แสดงการเชื่อมต่อต่างๆเป็นสีส้มมะละกอให้เป็นในแบบของ McLaren และที่สำคัญมีช่อง HDMI-ARC นับเป็นครั้งแรกของ Klipsch เลยก็ว่าได้ที่มีคุณสมบัตินี้ในลำโพงพาวเวอร์ แน่นอนว่าฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมาก เพียงต่อสายเพียงเส้นเดียวกับทีวี และ CEC เพื่อให้รีโมทคุยกัน คุณก็จะสามารถใช้รีโมทตัวเดียวควบคุมกันได้ทั้งหมด เราสามารถดูหนังได้ด้วยลำโพงคู่นี้ที่มาพร้อมกับกำลังขับขนาด 320 วัตต์คลาส D และรองรับสัญญาณไฮเรส 192kHz/24bit ที่สำคัญทั้ง optical และ HDMI ซึ่งเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่ายี่ห้ออื่นที่

8.ไฟบอกสถานะที่สร้างความแตกต่างที่ลงตัว

ไฟสถานะบอก Source ในการใช้งานว่าคุณกำลังใช้งานระบบไหน ซึ่งรุ่นปกติจะเป็นไฟสีขาวจะแตกต่างกับรุ่น Klipsch The Fives McLaren Edition ที่ไฟบอกสถานะจะเป็นสีฟ้า หรือ เรียกว่า “Blue Light” นั้นเอง

9.รีโมทควบคุมสุดเฟี้ยว

รีโมทควบคุมระยะไกลที่มีโลโก้แบรนด์ Klipsch และ McLaren สลักอยู่ด้านล่างรีโมท ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นปกติที่จะเป็นโลโก้ Heritage Series นั้นเอง

10.การดีไซน์รูปทรงลำโพงและผิวลำโพงที่ดุดันมากกว่าเดิม

เรียกได้ว่าการดีไซน์รูปทรงลำโพงและผิวของลำโพงนั้นแตกต่างจากรุ่นเดิมโดยสิ้นเชิง เพราะมุมลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition นั้นจะออกแบบมาในรูปทรงมนๆ แต่ในรุ่นปกติจะเป็นมุมเหลี่ยม อีกทั้งเนื้อผิวของลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition นั้นมาในรูปแบบสีดำ

11.แผ่นรองลำโพงคาแรคเตอร์ชัด ลายล้อรถที่ไม่เหมือนใคร

แผ่นรองลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition นั้นจะไม่เหมือนกับรุ่นปกติ ซึ่งในรุ่นนี้จะมาเป็นแบบแผ่นยางที่ช่วยในเรื่องของการลดแรงสั่นสะเทือนในขณะลำโพงกำลังใช้งานอยู่และได้ออกแบบเป็นลายล้อรถที่ไม่เหมือนลำโพงทั่วไปแน่นอน

12.แผ่นป้ายโลหะสุด Limited Edition ที่ไม่ใช่ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้

แผ่นป้ายโลหะที่จะเป็นตัวการันตีว่าคุณนั้นได้เป็นเจ้าของลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition อย่างเป็นทางการนั้นก็คือแผ่นป้ายโลหะที่ระบุความเป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่ได้เป็นเจ้าของ ซึ่งสามารถนำไปตกแต่งห้อง วางไว้ให้ความรู้สึกสปอร์ตคล้ายๆแผ่นป้ายทะเบียนรถเลยก็ว่าได้

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ แอดมินคิดว่าน่าจะไขข้อสงสัยสำหรับใครที่กำลังต้องการคำตอบว่าลำโพงรุ่นใหม่อย่าง Klipsch The Fives McLaren Edition นั้นแตกต่างกับลำโพง Klipsch The Fives รุ่นปกติอย่างไรได้บ้างละครับ แต่บอกเลยว่ารุ่นนี้ปัญหาที่คุณเจอมาจะหมดไปในที่สุดเพราะลำโพงพาวเวอร์ Klipsch The Fives McLaren Edition ทางวิศวรกรของ Klipsch คิดคำนวณมาให้หมดแล้วในการที่ควบคุมสัญญาณในลำโพงทั้งกระบวนการ ในการใช้ กำลังขับ ผสมผสานกับเทคโนโลยี มาเพื่อสำหรับ optimize ขับดอกลำโพงในแบบ Carbon Fiber ให้ได้ดีที่สุด ช่วงความถี่ที่ไปได้กว้างกว่าและ performance ที่ดีกว่า จากลำโพงวางหิ้งเล็กๆสุดเท่คู่นี้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดความสะดวกสบายและหมดห่วงหมดกังวลในการใช้งานไปได้ครับผม คุ้มกับสิ่งที่ต้องจ่ายแน่นอน

Share this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *