fbpx

DAC คืออะไรและทำหน้าที่อะไร

DAC คืออะไรและทำหน้าที่อะไร

คำว่า DAC หรือที่หลายๆ คนคุ้นหูกันนั่นคือ Digital to Analog Convertor ซึ่ง DAC นั้นคือตัวแปลงสัญญาณที่ทำหน้าที่ในการแปลงข้อมูลจาก ข้อมูล Digital ให้กลายเป็นข้อมูลแบบ Analog สำหรับข้อมูลที่จะพูดถึงในวันนี้จะเป็นเกี่ยวกับในเรื่องของเสียงนะครับ ซึ่งในปัจจุบันนั้นโลกของได้เรียกว่าเป็นยุคที่เข้าสู่ในยุคของ Digital ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่นั้นมักถูกเก็บอยู่ในข้อมูลในรูปแบบของไฟล์ Digital สำหรับไฟล์เสียงเองก็เป็นอีกหนึ่งไฟล์ที่ได้รับการจัดเก็บในรูปแบบของไฟล์ Digital

            ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า Computer นั้นสามารถอ่านค่าได้เพียงแค่ตัวเลข 0 และ 1 หรือที่เราเรียกอีกชื่อว่า Binary Code จึงมีการคิดค้นรูปแบบในการจัดเก็บไฟล์ต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบของ Digital โดยจะเรียกขั้นตอนในการแปลงไฟล์ Analog ให้เป็นไฟล์แบบ Digital ว่า ADC หรือ Analog to Digital Converter เมื่อเราต้องการที่จะเรียกใช้ไฟล์เสียงที่ถูกจัดเก็บ เราจำเป็นที่จะต้องแปลงไฟล์ดิจิตอลเหล่านั้น ให้กลับมาเป็น ข้อมูลแบบอนาล็อก โดยเราจะเรียกขั้นตอนในการแปลงไฟล์แบบ Digital ให้กลับมาเป็นไฟล์แบบ Analog ว่า DAC หรือ Digital to Analog Converter นั่นเองครับ

            สำหรับ DAC นั้นมีการใช้งานมามากกว่าหลาย 10 ปีซึ่งสำหรับข้อมูลทั้งหลายบนโลกล้วนถูกเก็บอยู่ในรูปแบบของไฟล์ Digital เพราะไฟล์หรือสัญญาณ Analog นั้นมีขนาดที่ใหญ่กินพื้นที่ของการจัดเก็บ ที่สำคัญคือคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจสัญญาณ Digital เหล่านี้ได้ ดังนั้น อุปกรณ์ที่เป็นแหล่งที่มาของเสียงไม่ว่าจะเป็น กล่องทีวีดิจิทัล เกมคอนโซล Smart Phone  Tablet  หริอแม้แต่เครื่องเล่น AV Receiver นั้นต่างก็ต้องใช้ DAC ทั้งสิ้น เพื่อแปลงเสียง Digital เป็น Analog ก่อนที่จะส่งสัญญาณออกไป

            DAC- Amp หรือ Digital to Analog Convertor จะทำหน้าที่ในการแปลงไฟล์สัญญาณ Digital ที่เราไม่สามารถฟังเข้าใจได้ ให้เป็นสัญญาณ Analog ที่คนเข้าใจเป็นเสียงต่างๆ หรือเสียงที่เราได้ยินตามปกติ ในส่วนของ Amplifier นั้นซึ่งทำหน้าที่ขยายสัญญาณที่แปลงมาจาก DAC อีกที่หนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันนั้นจะมีทั้ง DAC และ DAC-Amp ให้เลือกหลากหลายประเภท

หลักการทำงาน Input/Output ของ DAC-Amp

            DAC-Amp จะมีหน้าที่ในการแปลงและขยายสัญญาณในตัวซึ่งโดยปกติภายในตัว DAC จะทำหน้าที่รับข้อมูลทาง Digital โดยอาศัยทาง USB, Optical, Coaxial, AES และ l2S มาเป็น Input ในการรับข้อมูลนอกจากนี้ยังสามารถรับผ่านทางไร้สายเช่น Bluetooth ได้อีกด้วย

ในส่วนของ Output นั้นส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของภาค Amp ทั้งหมดยกเว้นแค่ DAC-Amp ที่รองรับการส่งสัญญาณ Analog ตรงโดยไม่ผ่านภาค Amp ที่เรียกว่า Line Out ซึ่งโดยทั่วไปมักจะส่งต่อไปยัง Amp ภายนอกอีกที โดย Amp นั้นจะมีหน้าที่ขยาย ซึ่งใน Amp ที่ดีนั้นจะต้องไปไม่สร้างความผิดเพี้ยนไปจากสัญญาณที่ส่งออกมาจาก DAC

            ซึ่ง Output ของ Amp ในปัจจุบันนั้นจะมีหลากหลายแตกต่างแต่หลักจะมี Output เป็น Single-End คือมี Channel ซ้าย ขวาและมีกราวที่มีจุดเดียวซึ่งแทบจะ 95% ของ DAC-Amp จะมี Output มาให้โดยผ่านช่องต่อที่คุ้นเคยอย่าง Plug 3.5mm หรือ 6.3mm ส่วนวงจรอีกแบบนั้นคือ Balanced ซึ่งจะเป็นภาค Amp ที่แยกกราวซ้ายขวาซึ่งการสร้าง Amp ลักษณะนี้นั้นต้องทำวงจรมีซับซ้อนกว่าแบบ Single-End และใช้อะไหล่มากกว่าถึง 2 เท่าอีกด้วย ซึ่งข้อดีของวงจรแบบนี้คือมีค่า Signal to Noise Ratio (SNR) ที่ดีกว่าจึงทำให้ฟังดูแล้วมีความสะอาดและแยกรายละเอียดได้ดีกว่า Single-End

            และสำหรับเครื่องเล่น AV Receiver หลายๆ แบรนด์นั้นต่างก็ได้มีการใช้ Dac Chip เข้ามาเพื่อให้เครื่องขยายเสียงของแบรนด์สามารถถ่ายถอดเสียงทีดีออกมา สำหรับ Onkyo ก็เช่นกันได้ใช้ DAC Chip จาก AKM ใส่เข้ามาในตัวของเครื่อง ซึ่งทำให้สามารถถ่ายทอดเสียงระดับ Hi-resolution ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ โดยที่ไม่มีการผิดเพี้ยนไปจากไฟล์เสียงของต้นฉบับ ถือว่า Onkyo นั้นไม่ได้ต้องการเพียงขายสินค้าให้กับผู้ซื้อเท่านั้น แต่ยังใส่ใจในเรื่องของเทคโนโลยีที่ได้ใส่เข้ามาอีกด้วย

Share this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *