หูฟังที่มี Noise Cancelling มีกี่ประเภท

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าหูฟังที่มี Noise Cancelling นั้นเป็นที่ยอมรับและมีปริมาณความต้องการของผู้คนเยอะ ด้วยเนื่องจากปัจจัยหลายๆอย่างที่ส่งผลประโยชน์ในการใช้งานไม่ว่าจะในเรื่องของความชื่นชอบส่วนบุคคล หรือ การช่วยเสริมสร้างสมาธิและป้องกันจากเสียงภายนอกที่ดังจนเกินไปก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วหูฟัง Noise Cancelling นั้นมีหลากหลายประเภทและมีความแตกต่างกัน จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยครับ

หูฟังที่มี Noise Cancelling มีกี่ประเภท

1.Passive Noise Cancelling

การตัดเสียงรบกวนแบบพาวซีฟ (PNC) คือ การปิดกั้นเสียงจากภายนอกโดยอุปกรณ์ที่นำมาผลิตหูฟัง เช่น ฟองน้ำ ยาง ซิลิโคน ฯลฯ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะไม่พึ่งเทคโนโลยีในการตัดเสียงรบกวนภายนอกเลยป้องกันโดยการที่คุณหยิบหูฟังมาครอบหูหรือสวมใส่รูหูของคุณนั้นเอง ซิลิโคนเหล่านี้จะผลิตมาให้สวมใส่เข้าช่องหูตามทรงของใบหูผู้ใช้งานมากที่สุด (หูฟัง Klipsch มีจุกซิลิโคนให้เลือกถึง 6 ไซส์) เพื่อไม่ให้เสียงนั้นเข้ามารบกวน นั้นหมายความว่าคุณสามารถฟังเพลงเสียงเบาๆโดยที่ไม่ถูกรบกวนจากเสียงภายนอกอีกด้วย อีกทั้งยังไม่ต้องคำนึงถึงพลังงานแบตเตอรี่ที่จะต้องถูกดึงไปใช้งานในส่วนของการแยกเสียงรบกวนอีกต่างหาก

2.Active Noise Cancelling

การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (ANC) คือ การปิดกั้นเสียงจากผ่านนอกโดยผ่านตัวกลางเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน ซึ่งเทคโนโลยีนี้ทำงานผ่านไมโครโฟนในหูฟังยิ่งไมโครโฟนมีจำนวนเยอะเท่าไหร่ยิ่งสามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีเท่านั้น โดยไมโครโฟนพวกนั้นจะทำการเฟสเสียงจากภายนอกให้ถูกขจัดไปก่อนถึงหูของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ แต่การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟนั้นต้องพึ่งพาแบตเตอรี่ในหูฟังเป็นหลัก ซึ่งปกติทั่วไปไมโครโฟนจะรับเสียงทุกทิศทาง แต่ในหูฟัง Klipsch T5 II True Wireless ANC จะใช้ไมโครโฟนเทคนิค Beamforming นั้นจะจำกัดทิศทางการรับเสียง, ระบุเสียงรบกวนและช่วยให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงคนพูดชัดเจนและยังเพิ่มไมโครโฟนแบบ Hybrid 2 ตัวเพื่อช่วยในการตัดเสียงรบกวนในระบบ Noise Cancellation อีกด้วย

ประโยชน์ของหูฟัง Noise Cancelling

ใครจะไปรู้ว่าเสียงนั้นก็มีผลกับสุขภาพเช่นเดียวกันถ้าฟังในระดับความดังที่มากเกินไป หรือ ในเวลาที่นานเกินไปก็ทำให้ส่งผลเสียและอันตรายกับระบบการได้ยิน ซึ่งหลายๆคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเสียงดังแค่ไหนกันหล่ะถึงจะอันตราย โดยปกติในการพูดคุย สนทนากันนั้นจะอยู่ที่ 60dB แต่เสียงที่เริ่มอันตรายเมื่อฟังนานๆนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 85dB และเสียงที่อันตรายและอาจจะส่งผลกับร่างกายได้ทันทีคือเสียง 120dB (EX.เสียงรถไซเรน) ที่กล่าวมาเบื้องต้นนั้นไม่เพียงแค่สร้างความรำคาญแต่หากถูกสะสมๆนานๆนั้นอาจจะจะก่อให้เกิดโรคร้ายก็เป็นได้ ในวันนี้เราจึงจะมาบอกกันว่าการหลีกเลี่ยงต่อสถานการณ์นั้นโดยให้หูฟัง Noise Cancelling มีส่วนช่วยนั้นมีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ

1.ช่วยต่อผลกระทบในการได้ยิน

การได้ยินที่ส่งผลจากเสียงที่ดังมากเกินไปนั้นอย่างที่บอกว่ามีผลกับร่างกายในเรื่องของประสาทหู สมอง หรือ หัวใจ ซึ่งอาการข้างต้นนั้นมีงานวิจัยที่ออกมาว่าเสียงที่รบกวนนั้นจะส่งระดับความดันโลหิตและระดับคลอเลสเตอรอลที่จะเพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อหัวใจนั้นเอง ไม่เพียงเท่านั้นสมองและประสาทหูนั้นทำงานสัมพันธ์กันด้วยหูจะมีเส้นขนทำหน้าที่รับเสียงและแปลงเสียงสัญญาณไฟฟ้าส่งไปที่สมองถ้าเสียงดังมากเกินไปจะทำให้เส้นขนและปลายประสาทเสียหายส่งผลต่อการได้ยินที่ไม่ดีเหมือนเดิม หากมีหูฟัง Noise Cancellingจะช่วยลดเสียงภายนอกที่ดังมากเกินไปให้ไม่กระทบกับหูของคุณเกินพอดี

2.ช่วยต่อผลกระทบในการนอน

การนอนเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นปัจจัยหลักในการที่ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนถ้าเกิดได้ยินเสียงที่ดัง หรือ มีเสียงมารบกวนในการนอนนั้นจะทำให้สมองถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้รู้สึกไม่ได้ผ่อนคลาย ซึ่งการที่พักผ่อนไม่เพียงพอนั้นย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายอยู่แล้ว หากมีหูฟัง Noise Cancelling นั้นจะช่วยลดการได้ยินเสียงรบกวนได้ดีและทำให้การนอนหลับของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น

3.ช่วยทำสมาธิและอารมณ์ความรู้สึก

ในเวลาที่คนเราตั้งใจจะโฟกัสกับสิ่งๆหนึ่งอาจจะอยากได้ห้วงความคิดที่ไม่มีเสียงอื่นๆรบกวนนอกเสียจากความคิดของตัวเอง หูฟัง Noise Cancelling นั้นจะช่วยในเรื่องของสมาธิ อารมณ์ความรู้สึกให้ไม่ถูกก้าวล้ำโดยเสียงที่ควบคุมไม่ได้นั้นเอง

เป็นอย่างไรบ้างครับกับการแบ่งแยกประเภทของหูฟัง Noise Cancelling และประโยชน์ในแง่ต่างๆ ซึ่งส่วนตัวผมนั้นคิดว่าก็ไม่เสียหายเพราะไม่เพียงแค่ป้องกันเสียงภายนอกแต่ถ้าเลือกให้ดีเรายังได้เสียงที่มีคุณภาพพร้อมกับสุขภาพของเราที่ดีไปควบคู่กันอีกด้วย ซึ่งหูฟัง Klipsch นั้นก็มี 2 รุ่นที่เป็น ANC คือ T5 II True Wireless ANC, T5 II True Wireless ANC McLaren นั้นเองรับรองว่า 2 รุ่นนี้ครบจบในตัวเดียวแน่นอนครับผม