ความแตกต่างของ Dirac Live LE และ Dirac Live Full
ถ้าให้พูดถึงจุดเด่นที่เรียกว่าเหนือกว่าคู่แข่งของ Amp AVR อย่าง Onkyo แล้วนั้นอีกหนึ่งข้อที่ Amp AVR ในท้องตลาดทั่วไปไม่สามารถทำได้นั่นคือ การที่ Onkyo ได้ใส่เทคโนโลยีการปรับจูนเสียงอย่าง Dirac Live มาให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างเต็ม Version โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่ออัพเกรด ซึ่งถือว่าดีมากๆ สำหรับผู้ใช้งานเลยนะครับในเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่าย
สำหรับในบทความนี้จะมาอธิบายถึงความแตกต่างของ Dirac Live LE และ Dirac Live Full ว่ามีความแตกต่างในเรื่องของการใช้งานและเรื่องของค่าใช้จ่ายอย่างไร อย่างที่ผู้ใช้งานหลายๆ คนนั้นทราบอยู่แล้วนะครับว่า Dirac Live นั้นคือโปรแกรมที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของเสียงซึ่งจะมีโปรแกรมที่แม่นยำที่ช่วยแก้ปัญหาอะคูสติกภายในห้องของคุณให้ดีขึ้น ซึ่ง Dirac Live นั้นก็จะมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการตั้งค่าให้ง่ายขึ้นอีกด้วย
Dirac Live LE
Dirac Live LE เป็น Software ที่ใช้สำหรับปรับแต่งเสียงในระบบเครื่องเสียงแบบห้องปิด (Closed-Room) โดยใช้เทคโนโลยี Digital Signal Processing (DSP) ในการปรับแต่งเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีและสมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดสัญญาณรบกวนจากการสะท้อนเสียงภายในห้อง ซึ่งช่วยให้เสียงที่ได้รับจากลำโพงมีคุณภาพและถูกต้องตามความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น
หลักการทำงานของ Dirac Live LE คือการปรับแต่งเสียงในห้องปิดโดยใช้เทคโนโลยี Digital Signal Processing (DSP) โดยมีขั้นตอนการทำงานดังนี้
- วัดคุณสมบัติของห้องปิด การวัดคุณสมบัติของห้องปิดเป็นขั้นตอนแรกในการปรับแต่งเสียง โดย Dirac Live LE จะใช้ไมโครโฟนและแผนที่ลักษณะห้องปิดเพื่อวัดค่าความถี่และระยะเวลาสะท้อนเสียงภายในห้อง ซึ่งจะช่วยให้ระบบปรับแต่งเสียงได้ถูกต้องตามสภาพของห้องปิด
- สร้างเสียงแบบฟลัส: Dirac Live LE จะสร้างเสียงสัญญาณชนิดฟลัส (Sweep Tone) ซึ่งเป็นเสียงสัญญาณที่มีความถี่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยเริ่มต้นจากความถี่ต่ำสุดไปจนถึงความถี่สูงสุด
- วัดเสียงภายในห้องปิด เมื่อเสียงฟลัสถูกส่งออกจากลำโพงแล้ว ตัวรับสัญญาณจะทำการวัดเสียงภายในห้องปิดในแต่ละระยะเวลา โดยจะวัดระดับความเสียงที่เปลี่ยนไปเนื่องจากการสะท้อนเสียงภายในห้องปิด
- ประมวลผลและปรับแต่งเสียง: จากการวัดเสียงภายในห้องปิด ระบบจะทำการประมวลผลโดยใช้เทคโนโลยี DSP เพื่อปรับแต่งเสียงให้มีคุณภาพและสมดุล
ซึ่ง Dirac Live LE เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการปรับแต่งเสียงระบบเครื่องเสียงขนาดเล็กถึงกลาง และไม่ต้องการความสามารถในการปรับแต่งเสียงที่มีขนาดใหญ่มาก
Dirac Live Full
Dirac Live Full คือ Software ระบบปรับแต่งเสียงที่พัฒนาขึ้นโดย Dirac Research AB ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้การประมวลผลดิจิตอลเพื่อปรับแต่งเสียงในห้องปิดให้มีคุณภาพเสียงที่ดีและสมดุล ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการเครื่องเสียง และได้รับการนำไปใช้งานในหลายแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลก
Dirac Live Full มีความสามารถในการปรับแต่งเสียงให้สมดุลและสม่ำเสมอในห้องปิด โดยการใช้เทคโนโลยี Digital Signal Processing (DSP) ร่วมกับการวัดคุณสมบัติของห้องปิดเพื่อประมวลผลและปรับแต่งเสียงให้เหมาะสมกับสภาพของห้องปิด ซึ่งสามารถปรับแต่งเสียงได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ เพิ่มเติม เช่น การปรับแต่งเสียงสายตามสายระดับความถี่ (Frequency Response Correction) และการปรับแต่งเสียงแบบไดนามิก (Dynamic Range Correction) เพื่อให้เสียงมีความลึกซึ้งและคมชัดยิ่งขึ้น
Dirac Live Full ยังสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องเสียงที่รองรับ Dirac Live ได้ และเครื่องเสียงรถยนต์แบบ Hi-End
หลักการทำงานของ Dirac Live Full
หลักการทำงานของ Dirac Live Full นั้นก็คล้ายกับ Dirac Live LE โดยทั่วไปแล้ว แต่ Dirac Live Full มีฟังก์ชันการปรับแต่งเสียงที่ละเอียดมากขึ้น โดยทำงานโดยการวัดและประมวลผลเสียงที่ออกจากลำโพงและสัญญาณที่เป็นเสียงสะท้อนกลับจากห้องปิด เพื่อสร้างแผนที่การกระจายเสียงในห้องปิด จากนั้น Dirac Live Full จะใช้เทคโนโลยี Digital Signal Processing (DSP) เพื่อปรับแต่งเสียงให้สมดุลและมีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ด้วยการใช้กราฟิกอิมพัลส์ (Impulse Response) และคุณสมบัติต่างๆ ของห้องปิดเช่น ความลึกของห้อง (Room Depth) ความกว้าง (Room Width) ความสูง (Room Height) ฯลฯ เพื่อปรับแต่งเสียงให้ตรงกับห้องปิดที่ใช้งาน
นอกจากนี้ Dirac Live Full ยังสามารถปรับแต่งเสียงอย่างละเอียดด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น การปรับแต่งเสียงสายตามสายระดับความถี่ (Frequency Response Correction) และการปรับแต่งเสียงแบบไดนามิก (Dynamic Range Correction) เพื่อให้เสียงมีความลึกซึ้งและคมชัดยิ่งขึ้น และยังสามารถปรับแต่งเสียงสำหรับแต่ละลำโพงเพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพเหมือนกันจากแต่ละลำโพง
ความแตกต่างของ Dirac Live LE และ Dirac Live Full
- ด้านคุณสมบัติ
ตัวเต็มของ Dirac Live Full มีคุณสมบัติที่ครอบคลุมและทันสมัยกว่า Dirac Live LE ตัวอย่างเช่น Dirac Live Full รองรับคุณสมบัติขั้นสูงเพิ่มเติม เช่น การ Support Subwoofer หลายตัว การควบคุมช่วงไดนามิก และการ Support การประมวลผลเสียงในช่องทาง 16 ช่อง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่มีในเวอร์ชันของ Dirac Live LE
- การปรับแต่ง
Dirac Live Full มีการปรับแต่งที่ยืดหยุ่นมากกว่า Dirac Live LE โดยอนุญาตให้ผู้ใช้สร้างเสียงเป้าหมายที่กำหนดเอง ปรับแต่งการแก้ไขช่วงเวลา และปรับแต่งพารามิเตอร์อื่นๆ เพื่อให้ได้เสียงที่เหมาะสมมากขึ้นซึ่งในส่วนของ Dirac Live LE มีการปรับแต่งที่จำกัดมากกว่า
- ความเข้ากันได้
Dirac Live Full เข้ากันได้กับอุปกรณ์เสียงและแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่หลากหลายมากกว่า Dirac Live LE เช่น Dirac Live Full รองรับอินเตอร์เฟสเสียงและโปรเซสเซอร์ DSP หลายประเภท
- ด้านราคา
ราคาของ Dirac Live LE ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นและการใช้งาน โดยปกติแล้วราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ $349 และราคาของ Dirac Live Full โดยปกติแล้วราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ$ 500 ขึ้นไป
ซึ่งโดยรวมแล้ว ทั้งสองเวอร์ชันของ Dirac Live ให้คุณสมบัติการปรับแต่งห้องและการปรับแต่งลำโพงอย่างล้ำหน้ามาเพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงของระบบเสียง อย่างไรก็ตาม Dirac Live Full มีคุณสมบัติที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นมากกว่า Dirac Live LE และสามารถใช้กับอุปกรณ์เสียงและซอฟต์แวร์ได้มากกว่า Dirac Live LE แต่ด้วยราคาที่สูงกว่า ส่วน Dirac Live LE เหมาะสมกับผู้ใช้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายและไม่จำเป็นต้องใช้คุณสมบัติขั้นสูงของเวอร์ชัน Full แต่อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า Amp AVR ของ Onkyo อย่างรุ่น TX-NR7100, TX-RZ50 และอีกหนึ่งรุ่นที่กำลังจะออกมาจำหน่ายอย่าง Onkyo TX-RZ70 นั้นได้ใส่เทคโนโลยีการปรับแต่งเสียงอย่าง Dirac Live มาให้คุณได้ใช้ฟรีๆ แบบ Full Option และยังสามารถ Update โปรแกรมได้อย่างฟรีๆ เรียกได้ว่าช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณไปได้หลายหมื่นบาทเลยทีเดียวครับ
ใส่ความเห็น